Take profit

Take profit

เก็บสะสมหุ้นกลุ่มรับเหมา พลังงานปลายน้ำ อสังหาฯ อาหาร และวัสดุก่อสร้าง ที่ราคาไม่แพงและมีพื้นฐานดี มี story หนุนเป็นรายตัว

UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ โดย ยศพณ แสงนิล, CFA :  Take profit

ตลาดไทยช่วงนี้พยายามขึ้นทดสอบแนวต้าน 1300 จุดหลายครั้ง แต่ยังไม่สามารถผ่านไปได้ วันนี้เราคาดตลาดมีแนวโน้มแกว่งในกรอบแคบ 1285-1305 จุด ด้วยปริมาณการซื้อขายเบาบางก่อนช่วงหยุดยาวตรุษจีน โดยปัจจัยหนุนมากจากการคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ แต่ปัจจัยกดดันยังมีอยู่ คือราคาน้ำมันดิบที่ยังไม่สามารถกลับมายืนเหนือ 35 เหรียญต่อบาเรล โดยภาพรวมปัจจัยต่างประเทศยังคงมีน้ำหนักมากกว่าปัจจัยในประเทศ แนะนำนักลงทุนควรทยอย take profit หากดัชนีขึ้นเหนือ 1300 จุดและเน้นเล่นสั้น เก็งกำไรหุ้นเป็นรายตัว

แนวรับ/แนวต้าน : 1280/1300 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%

กลยุทธ์ : เก็บสะสมหุ้นกลุ่มรับเหมา พลังงานปลายน้ำ อสังหาฯ อาหาร และวัสดุก่อสร้าง ที่ราคาไม่แพงและมีพื้นฐานดี มี story หนุนเป็นรายตัว หลีกเลี่ยงกลุ่มพลังงานต้นน้ำและสื่อสารไปก่อน

นักลงทุนระยะสั้น : IRPC (5.70), PS (34), BR (8)

IRPC (5.70) ได้ประโยชน์จากค่าการกลั่นและ olefins spread ที่แข็งแกร่งและโครงการ UHV และ Everest จะเข้ามาช่วยหนุนกำไรในปีนี้อย่างชัดเจนด้วย ซื้อใกล้ๆ 4.10 บาท เป้าหมาย 5.70 upside 42%

PS (34) มี Townhouse ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทพร้อมโอนในมือค่อนข้างสูง ได้ประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นการโอนและยอด presales ที่แข็งแกร่งด้วย บวกกับได้เน้นบ้านเดี่ยวและ segment ที่อยู่อาศัยแนวราบ ซึ่งไม่มีความเสี่ยงสูงและยังคงได้ประโยชน์จาก demand ที่ดีอยู่ ซื้อใกล้ๆ 25.25 เป้าหมาย 34 upside 36%

BR (8) เป็ดน้อยกำลังเติบโตเป็นเป็ดใหญ่ ด้วยการเริ่มขยายกำลังการผลิตที่จังหวัดสระแก้วในปีนี้ และการขยายธุรกิจไปยังประเทศอินโดนีเซียในไม่ช้านี้ จะช่วยขยายตลาดส่งออกของ BR อย่างชัดเจน นอกจากนี้เราคาดราคาเป็ดผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 58 และคู่แข่งจะแข่งขันในเชิงราคาน้อยลง นอกจากนี้ยังมีการเจรจากับโอปองแปงและ Mcdonalds ผลิตอาหารประเภทเป็ดใหม่ๆ gross margin สูงใกล้ๆ 30% น่าลองไปชิมดูนะครับ

นักลงทุนระยะยาว : SYNTEC (3.80), CK (34)

SYNTEC (3.80) สำหรับหุ้นรับเหมาขนาดเล็กตอนนี้ Top pick ของเราเป็นหุ้นพื้นฐานดี ปันผลมั่นคงคือ SYNTEC มี margin สูงและมีการรับรู้รายได้ต่อเนื่อง ทำให้งบไตรมาส 4 จะดีต่อเนื่องจากงบไตรมาส 2และ3 ที่ดีอยู่แล้วโดยทั้งปี 58 การรับงานทั้งปีจะสูงใกล้เคียง 1 หมื่นล้านบาทถือว่าเติบโตชัดเจนจากปีก่อน นอกจากนี้ยังมีแผนประมูลงานเพิ่มอีกในช่วงระยะสั้นนี้ได้แก่งาน CPN, NOBLE, SUPALAI บวกกับแผนการขยายส่วนต่อรถไฟฟ้าของรัฐบาลระยะยาวก็ช่วยให้มีการสร้างคอนโดเพิ่มและประมูลงานก่อสร้างเพิ่ม ทำให้มีรายได้มาเพิ่มระยะสั้นถึงยาวให้ SYNTEC

CK (34) (1)Mega projects เช่นรางคู่และการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มจะช่วย earnings ให้เติบโตสูง 15% ในปี 2559 (2)การควบรวมกิจการของบริษัทลูก BMCL & BECL (3)นอกจาก projects ของรัฐบาลยังมีโครงการของบริษัทลูก เช่น CKP มีโครงการน้ำบาก (Hydroelectric dam) ในประเทศลาว 1หมื่น7พันล้านบาท กำลังเจรจาน่าจะเซ็นสัญญา Q1 ปี 2559 (4)Q3 & Q4 ของปี 2558 sale & earnings ไม่ค่อยดี แต่โครงการ mega projects จะชัดเจนมากขึ้นปี 2559 ทั้งการประมูลและการก่อสร้างจริง ดังนั้นช่วงนี้เป็นโอกาสดีในการเริ่มเก็บสะสม CK (5)ราคาปัจจุบันให้ upside สูงกว่าคู่แข่งทั้ง ITD และ STEC


ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน

ปัจจัยภายในประเทศ

- ธนาคารโลกชี้เสถียรภาพการเมือง ปัจจัยเสี่ยงฉุดลงทุนไทย เชื่อปีนี้ไม่ใช่ "ปีแห่งการลงทุน" ระบุสิทธิประโยชน์ไม่ใช่ประเด็นใหญ่แต่อุปสรรคสำคัญคือขาดแคลนแรงงาน ด้าน "ปลัดคลัง" เผยต่างชาติสนใจ "ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์" หลังไทยไม่ลงทุนนับ 10 ปี ขณะรัฐวิสาหกิจลงทุนไตรมาสแรกต่ำเป้า

+ คึกสุดขีด ตรุษจีน 59 เงินสะพัดทั่วไทยกว่า 5.2 หมื่นล้าน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ชี้จ่ายแตะเอียเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4,315 บาทต่อคน ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวเกือบคนละ 1.2 หมื่นบาท "ม.ล.ปนัดดา" ลงพื้นที่ ตรวจตลาดเยาวราช สกัดพ่อค้าแม่ขายฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า ด้าน สธ.สุ่มตรวจพืชผักผลไม้และเนื้อสัตว์ที่ใช้ไหว้เจ้า พบปนเปื้อนสารฆ่าแมลงแนะทำความสะอาดก่อนบริโภค

+ "ประยุทธ์" สั่งเร่งเบิกจ่ายภายในไตรมาสแรกงัดมาตรการเด็ดขาด ทำไม่ได้ตามแผนยึดงบคืน ด้านสำนักงบฯ คาดปีนี้ยึดคืนงบลงทุนกว่า 5 หมื่นล้าน เตรียมเสนอแก้กฎหมายงบฯ บังคับใช้ หวังใช้งบตามแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี

- ม.หอการค้าไทย เผยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค.ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือนเหตุเศรษฐกิจโลกซบ ราคาน้ำมันร่วง ราคาสินค้าเกษตรดิ่ง ภัยแล้งซ้ำ แนะรัฐเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องช่วงไตรมาส 1-2 นี้ หวังหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจช่วยเริ่มต้นเมกะโปรเจกต์ พิษเศรษฐกิจวูบ-ภัยแล้งป่วนซ้ำเติมไทย

ปัจจัยต่างประเทศ

+ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,416.58 จุด เพิ่มขึ้น 79.92 จุด หรือ +0.49%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 ก.พ.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบและกลุ่มอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากมุมมองที่ว่า การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์จะช่วยกระตุ้นราคาสินค้าโภคภัณฑ์และช่วยหนุนผลกำไรของบริษัทข้ามชาติให้ฟื้นตัวขึ้นด้วย

+ ดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 61.62 จุด หรือ 1.06% ที่ 5,898.76 จุด

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (4 ก.พ.) หลังจากร่วงลงในช่วง 3 วันก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์

- ดัชนีนิกเกอิปิดร่วงลง 146.26 จุด หรือ 0.85% แตะที่ 17,044.99 จุด

ดัชนีนิกเกอิปิดร่วงลง เพราะได้รับแรงกดดันจากเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ส่งสัญญาณว่า เฟดยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลภาคบริการที่อ่อนแอของสหรัฐ

+ สัญญาน้ำมันดิบ ส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 56 เซนต์ หรือ 1.7% ปิดที่ 31.72 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแข็งแกร่งในช่วงก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด รวมทั้งความไม่แน่นอนที่ว่าประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่จะปรับลดกำลังการผลิตหรือไม่