'ประยุทธ์'สั่งเพิ่มระดับรักษาความปลอดภัย

'ประยุทธ์'สั่งเพิ่มระดับรักษาความปลอดภัย

"ประยุทธ์"สั่งเพิ่มระดับรักษาความปลอดภัยประเทศตลอดอายุรัฐบาล ชี้ให้ดูแลสถานที่จัดกิจกรรม"ปั่นเพื่อพ่อ-สถานที่ท่องเที่ยว"

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี   ให้สัมภาษณ์ถึงผลการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่าครั้งที่ 1/2559 เกี่ยวกับข้อสั่งการในการการรักษาความมั่นคงว่า ได้สั่งการให้มีการเพิ่มการระมัดระวังมากขึ้น เพราะจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น โดยได้ย้ำให้ดูแลเรื่อง การจราจร ความแออัด และเน้นกระตุ้นการท่องเที่ยวในรูปแบบต่างๆ ตลอดช่วงปี และแบ่งการท่องเที่ยวเป็นกลุ่มๆ ในแต่ละเรื่อง อาทิ การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ การสาธารณสุข วัฒนธรรม การท่องเที่ยวต่อเนื่องเชื่อมโยงกับเพื่อนบ้านในอาเซียน ได้แก่ สปป.ลาว เวียดนาม โดยให้เป็นทริปเดียวกัน 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังให้พิจารณา หากนักท่องเที่ยวหนาแน่นมากขึ้นในเส้นทางการเดินทางท่องเที่ยวเช่น สนามบิน ก็ให้ปรับแผนว่าจะต้องปรับวงจรกันอย่างไร โดยการท่องเที่ยวประเทศไทยร่วมมือกับสภาการท่องเที่ยว บริษัทท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งภายในและต่างประเทศ หรือแม้แต่รัฐบาลต่อรัฐบาลว่า จะช่วยกันส่งเสริมอย่างไร ซึ่งตนเคยหารือกับนายกฯญี่ปุ่น เพราะบางจังหวะญี่ปุ่นจะต้องขอชะลอเดินทางเข้าประเทศของนักท่องเที่ยวไทย เพราะมีความหนาแน่นมากเกินไปในการเข้าไปเที่ยวกรุงโตเกียว 

"สูงมากถึง 6 แสนราย ทั้งๆที่เขารับได้เพียง 4 แสนรายเท่านั้น และปีที่ผ่านมาสูงถึง 9 แสนรายด้วยกัน ส่วนประเทศไทยนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาถึง 28-29 ล้านราย และปีหน้าก็อาจจะสูงกว่านี้ ดังนั้นจึงต้องช่วยกันระมัดระวังในเรื่องของความปลอดภัย ไม่ให้มีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้น"

"เพราะฉะนั้น เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ ทุกคนต้องช่วยกันระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุ เพราะถ้าฝากตำรวจ+ ทหาร เพียงอย่างเดียวคงไปไม่รอด เพราะคนมีจำนวนมาก และตำรวจ- ทหาร ก็ไม่ใช่คนในพื้นที่ ตรอกซอกซอยแถวนั้นเขาไม่รู้พื้นที่ เขารู้อย่างเดียวคือว่าเกิดเหตุขึ้น ดังนั้นต้องเริ่มต้นที่การช่วยกันเฝ้าระวัง คนในพื้นที่ต้องช่วยกันระวัง ผมสั่งไปแล้วว่า ให้เปิดช่องทางในการแจ้งเหตุว่า ที่ไหนเเละอย่างไร   ช่วงนี้จะสั่งให้มีการประชาสัมพันธ์ว่า เนื่องจากมีกิจกรรมสำคัญๆหลายอย่างในช่วงนี้ จากนี้จะมีสายตรวจ -ชุดเคลื่อนที่เร็ว -เจ้าหน้าที่ตำรวจเเละทหารเพื่อสร้างความมั่นใจ ก็ขอว่าอย่าตื่นตระหนกก็แล้วกัน จะมีทั้งตำรวจ-ทหาร มอเตอร์ไซด์ รถปิ๊กอัพ เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ที่รถติด มีความเสี่ยง เส้นทางที่สำคัญ จะมีการติดกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม เรื่องการข่าวก็จะให้หน่วยข่าวในพื้นที่ได้ติดตามดำเนินการตรวจสอบความเคลื่อนไหว เหมือนที่ได้มีการตรวจสอบแล้วพบการเคลื่อนไหวที่ผ่านมา ผมให้เป็นเรื่องของกระทรวงยุติธรรม เพราะใครก็ปฏิเสธได้ทั้งนั้น แต่กฎหมายว่าอย่างไร หลักฐานว่าอย่างไร ใครก็ปฏิเสธไม่ได้ หากวันนี้สารภาพ วันหน้าปฏิเสธอีกก็ต้องปล่อยให้เป็นกระบวนการยุติธรรม ไม่อย่างนั้นก็จะถูกกล่าวหาว่า จับแล้วปล่อย จับแล้วปล่อย ดังนั้นต้องนำเข้ากระบวนการของศาล ซึ่งศาลมีขั้นตอนทุกอย่าง ไม่ใช่ไปกลับคำให้การ ถึงจะต้องมีอาชีพทนายความ และขอฝากคนในอาชีพนี้ว่า สิ่งใดที่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย หากแก้ให้เขามากๆ มองแต่เรื่องสิทธิมนุษยชนอย่างเดียว คนเหล่านี้ก็ได้ใจตลอด เคยตัว แล้วก็มีแต่จะแรงขึ้นๆ อยู่กับกฎหมาย ใช้ช่องว่างของกฎหมายเอามาเรียนรู้ กระทำผิดโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายเลย จึงต้องสร้างการเรียนรู้ให้มากขึ้น"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าหนังสือพิมพ์มีบทบาทสูงที่จะช่วยรัฐบาล ช่วยประเทศชาติให้มีความสงบเรียบร้อย เพราะทราบอยู่แล้วว่าอะไรผิดอะไรถูก อะไรดีไม่ดี สิ่งที่ไม่ดีก็อย่าไปขยายความ อย่าไปเสริม เดี๋ยวก็เบาลงเอง ไม่ใช่กลายเป็นว่า เอาข้างหนึ่งมาเจอมาชนกับอีกข้างหนึ่ง อย่างตนพูดอะไรผิดนิดหน่อย ก็เอาไปให้ทางโน้นมาเล่นงาน บ้านเมืองมันถึงไม่สงบ แล้วจะสงบสุขกันได้อย่างไร ซึ่งตนทราบดีว่าพวกเราเข้าใจกันหมดแล้ว 

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีพื้นที่จุดใดบ้างที่จะต้องดูแลเรื่องความปลอดภัย นายกฯกล่าวว่า พื้นที่จัดงานปั่นเพื่อพ่อBIKE FOR DADเเละสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก พื้นที่ที่มีความเสี่ยงเพราะมีประชาชนอยู่เป็นจำนวนมาก การจราจรติดขัด ถนนแคบๆ เหล่านี้ต้องดูทั้งหมด และถ้ามีเหตุการณ์สำคัญยังต้องจัดกำลังดูแลบนที่สูงด้วยเพื่อเป็นการเฝ้าระวัง ไม่ได้เป็นการทำร้ายใคร ประชาชนก็ต้องคอยดู หากเจ้าหน้าที่ขึ้นไปบนที่สูง ก็เพื่อขึ้นไปดูแล ไม่ได้แอบขึ้นไปทำอะไร เจ้าหน้าที่จะมีการแบ่งงานกันระหว่างตำรวจ- ทหาร และประชาชนจะต้องร่วมมือกันถึงจะเรียกว่าเป็นประชารัฐ 

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยด้านความมั่นคง จะให้ยาวไปถึงช่วงเทศกาลปีใหม่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า“ดูแลไปตลอดในช่วงที่รัฐบาลผมยังอยู่ ในเมื่ออยู่กันเงียบๆไม่ได้ แล้วมีเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นมา ก็ต้องดูแลกันใหม่มากขึ้น สร้างความมั่นใจ ความเชื่อมั่น ก็อย่าไปบั่นทอนความเชื่อมั่น    ไม่ใช่ไปบอกว่าทหารออกมา ตำรวจออกมาเยอะๆ สร้างความตื่นตระหนก สร้างความเสียหาย แล้วเวลาพวกมันทำประเทศเสียหายหรือไม่ ผมพยายามทำไม่ให้เสียหายแต่ก็พยายามจะกลับไปที่เก่า แล้วคนที่ถูกจับมาปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องหรือยัง ซึ่งทางตำรวจได้รายงานผมมาแล้ว แถลงข่าวไปแล้ว ในเมื่อเป็นหน้าที่ที่ผมมอบนโยบายไป คนรับผิดชอบก็ไปทำงานมา รายงานหัวหน้าเขา ไม่ใช่ว่าผมต้องรู้ทุกเรื่อง ถ้ารู้ทุกเรื่องก็ตายน่ะสิ แต่ผมเองก็ต้องรู้ทุกเรื่องเพื่อเอาไว้ตอบสื่อ ตอนนี้ก็กำลังสอบสวนต่อ จับมา 9 คน หนีได้ 7 คน ที่เหลือก็ตามจับอยู่ ต้องตามจับให้ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเรื่องอะไรทั้งสิ้น ก็ตามจับอยู่”