'แสนสิริ'มั่นใจรายได้ทั้งปีตามเป้า3.5หมื่นลบ.

'แสนสิริ'มั่นใจรายได้ทั้งปีตามเป้า3.5หมื่นลบ.

"แสนสิริ" เตรียมประชุมบอร์ด 13 พ.ย. พิจารณาแผนธุรกิจปี 2559 มั่นใจรายได้ทั้งปีพุ่งตามเป้าที่ 3.5 หมื่นล้านบาท เตรียมเปิดตัวอีก 9 โครงการใหม

นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างจัดทำแผนธุรกิจปี 2559 และคาดว่าน่าจะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารได้ในการประชุมวันที่ 13 พ.ย.นี้

สำหรับผลประกอบการในปีนี้ ในแง่ของยอดขายช่วง 10 เดือนแรกทำได้แล้ว 2.5 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้มั่นใจทั้งปีทำได้ตามเป้าที่ 3.3 หมื่นล้านบาท พร้อมกันนี้ปัจจุบันบริษัทฯมีมูลค่างานในมือ 3.6 หมื่นล้านบาท โดยจะรับรู้ไตรมาส 4/2558 ที่ 6-6.5 พันล้านบาท ส่งผลให้รายได้ปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 3.5 หมื่นล้านบาท

ในช่วงที่เหลือของปีบริษัทฯ เตรียมเปิดโครงการอีก 9 โครงการ มูลค่ารวม 1.86 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่า 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งสองโครงการจะเป็นโครงการที่ร่วมทุนกับบีทีเอส นอกจากนี้ ยังเปิดตัวแนวราบ 5 โครงการ มูลค่า 2.6 พันล้านบาท

ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวโครงการเดอะไลน์ ราชเทวี มูลค่าโครงการ 2.9 พันล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่ใกล้บีทีเอสราชเทวีเพียง 220 เมตร โดยมีคอนเซปต์ The Centre Of Everything , Location is Everything ซึ่งจะเป็นคอนโดมิเนียม สูง 38 ชั้น จำนวน 231 ยูนิต บนพื้นที่ 1.5 ไร่ บนถนนเพชรบุรี โดยมีราคาขายตารางเมตรละ 2.2 แสน- 3 แสนบาท ราคาเริ่มต้น 6.9 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดพรีเซลในวันที่ 31 ต.ค. ถึง 1 พ.ย. ทั้งกรุงเทพฯ และฮ่องกง โดยมั่นใจว่าจะขายหมดในการเปิดพรีเซลวันแรก ซึ่งโครงการดังกล่าวได้รับใบอนุญาตวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2561

พร้อมกันนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายจากต่างชาติไว้ราว 3,000 ล้านบาทหรือคิดเป็น 10% ของยอดขายรวม ซึ่งปัจจุบันบริษัทมียอดขายจากต่างชาติแล้วกว่า 1.9 พันล้านบาท

"การเปิดโครงการเดอะไลน์ราชเทวี บริษัทมั่นใจว่าจะขายหมดในวันเปิดพรีเซล 31 ต.ค. -1 พ.ย. โดยขายพร้อมกันทั้งในกรุงเทพฯ และฮ่องกง ซึ่งการขายที่้ฮ่องกงจะแบ่ง 50 ยูนิต หรือคิดเป็น 20% ของยูนิตรวมทั้งหมด โดยมองว่าความต้องการในคอนโดฯ ของชาวต่างชาติยังคงมีอยู่"นายอุทัย กล่าว

สำหรับยอดปฏิเสธสินเชื่อในปัจจุบันปรับตัวลดลง เนื่องจากบริษัทมีการคัดเลือกลูกค้าก่อนยื่้นต่อสถาบันการเงิน โดยปัจจุบันยอดปฏิเสธสินเชื่อต่ำกว่า 10% พร้อมกันนี้ บริษัทมีโครงการเหลือขาย มูลค่ากว่า 9,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นทั้งบ้านและคอนโดฯ ในระดับราคา 1-40 ล้านบาท โดยเตรียมรองรับต่อมาตรการของภาครัฐ ประกอบกับบริษัทมีการทำโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของลูกค้า ซึ่งมั่นใจว่าจะขายหมดใน 6 เดือนของระยะเวลาโครงการกระตุ้นอสังหาฯ ของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงในเรื่องของเศรษฐกิจและธนาคารพาณิชย์มีการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ