ผันผวนเชิงบวก

ผันผวนเชิงบวก

เริ่มสะสมหุ้นเมื่อดัชนีย่อลง เน้นพื้นฐานดี ปันผลสูง

UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ โดย ยศพณ แสงนิล, CFA :  ผันผวนเชิงบวก

ตลาดไทยวันนี้มีแนวโน้มปรับขึ้นได้ต่อ โดยสัญญาณจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นแสดงให้เห็นถึงทิศทางที่เม็ดเงินจากต่างชาติจะเข้ามาซื้อได้อีก นอกจากนี้ นักลงทุนเริ่มคาดการณ์กันแล้วว่า เฟดจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ และค่าเงินดอลล่าห์มีแนวโน้มอ่อนค่าลงต่ออย่างน้อยในระยะสั้นนี้ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นแรงช่วงนี้ สาเหตุจากความไม่สงบในตะวันออกกลางและดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นช่วยหนุนกลุ่มพลังงานให้ดันดัชนีได้ต่อในช่วงสั้นนี้ จึงเป็นโอกาสเหมาะให้นักลงทุนขาย take profit บ้างหากดัชนีแตะบริเวณ 1400 จุด

แนวรับ/แนวต้าน : 1380/1410 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

กลยุทธ์ : เริ่มสะสมหุ้นเมื่อดัชนีย่อลง เน้นพื้นฐานดี ปันผลสูง และได้ประโยชน์จากโครงการรัฐและค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง

นักลงทุนระยะสั้น : NUSA (1.50) , CSS (6.20)

NUSA (1.50) เราคาดกำไรจะโตได้สูงปีนี้ ประกอบกับราคาปัจจุบันถือว่ายังถูกอยู่ในแง่ของ price to book แถมมี Land bank ซึ่งมีต้นทุนน้อยมาก บวกกับโครงการ NUSA ONE และอีกหลายโครงการในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่จะช่วยเพิ่มรายได้ให้บริษัทในระยะยาว และในครึ่งปีหลังนี้แนวโน้มการโอนโครงการจะมีเข้ามากกว่าครึ่งปีแรกอีกด้วย หลังจากครึ่งปีแรกคอนโดขายดีจนเกินเป้าแล้วครับผม

CSS (6.20) ประกอบธุรกิจออกแบบและติดตั้งเสาแดงและอุปกรณ์รับส่งสัญญาณ ลูกค้าหลักก็คือบริษัทยักษ์ใหญ่ในกลุ่มสื่อสาร อย่างเช่น TRUE และ DTAC ราคาหุ้นเคยขึ้นจาก 6 บาทไป 8 บาทช่วงต้นปี แล้วก็ไหลลงมาเรื่อยๆจนปัจจุบันเหลือ 5 บาทต้นๆ เพราะบริษัทประกาศยกเลิกการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้า solar farm ที่ญี่ปุ่น บวกกับนักลงทุนเริ่มกังวลกันเรื่องที่บริษัทยังไม่มีงาน Backlog ที่ชัดเจนรอไว้สำหรับปีหน้าถึงแม้ว่าปีนี้จะมีรายได้และกำไรเติบโตดีก็ตาม กลยุทธ์สำหรับหุ้นตัวนี้เรามองว่า ใครที่ติดอยู่ต่ำกว่า 6 บาท อุ่นใจได้ ถือต่อและควรซื้อต่อถ้าเห็นต่ำกว่า 5 บาทอีก ภายในสิ้นปีนี้น่าจะได้เห็นกลับขึ้นไป 6 บาทได้เพราะ 1)ไตรมาส 4 ปกติและจะเป็น High season ของธุรกิจสื่อสาร ทำให้น่าจะมีงานใหม่เป็น Backlog มาเพิ่มสำหรับปีหน้า 2)การประมูล 4G จะช่วยเสริม sentiment กลุ่มสื่อสารให้เป็นบวก แต่ถ้าเห็น 6 บาทภายในสิ้นปีนี้ อย่าโลภนะครับ ต้องขาย เพราะ CSS-W1 จะหมดอายุในเดือน มี.ค.59 (120 ล้านหุ้น) 1:1.201 หุ้น ราคาใช้สิทธิ์ 1.249 บาท สรุปคือถ้าเห็น CSS ต่ำกว่า 5 บาท ซื้อ เห็น 6 บาท เผ่นครับ

นักลงทุนระยะยาว : BDMS (25.50), TVO (33.75)

BDMS (25.50) โดยขณะนี้ BDMS มีราคาถูกที่สุดและ upside ที่สูงที่สุดในกลุ่มโรงพยาบาล ด้วย Target price ที่เราให้ไว้อยู่ที่ 25.50 ซึ่งให้ upside สูงถึง 30% ปัจจัยบวก มีอยู่หลายประการนะครับ เช่น 1.)BDMS จะสร้างตึกเพิ่มอีก 6 ตึก แต่ละตึกมี 60 เตียง ลงทุน 6 พันล้านบาท และ 2 พันล้านบาท เพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์ โดยจะสร้างไว้รองรับผู้ป่วยต่างชาติจากการเปิด AEC โดยเราคาดว่าจะช่วยเพิ่ม capacity ได้ถึง 74% ภายในปี 2018 2.)BDMS มีแผนเปิดโรงพยาบาลเพิ่ม คือสมิทติเวช ชลบุรีในปีนี้ และเปาโลรังสิต และจอมเทียน Hospital ในปีหน้า และตั้งใจจะซื้อโรงพยาบาลเพิ่มอีก 6 โรงพยาบาลให้มีครบทั้งหมด 50 แห่ง 3.)อัตราส่วนของผู้ป่วยต่างชาติมีมากขึ้นเรื่อยๆ (30% เทียบกับ 25% เมื่อ 5 ปีก่อน) 4.)มีแผนขยายธุรกิจขายยาและเวชภัณฑ์ที่มี Margin สูงกว่าธุรกิจโรงพยาบาลทั่วไป สรุปคือ BDMS มี upside สูงถึง 30% และมีแผนขยายธุรกิจอย่างชัดเจน จัดเป็นหุ้น defensive ที่ต้านตลาดและเศรษฐกิจขาลงได้ดี

TVO (33.75) ตลาดมันแกว่งแรงความเสี่ยงก็เยอะ เอาหุ้นปันผลสูงๆติดพอร์ตไว้ก็ดีครับ TVO ตัวนี้ Downside risk จากราคาถั่วเหลืองตกต่ำมีน้อย เนื่องจากราคาถั่วเหลืองในตลาดโลกปัจจุบันใกล้เคียงกับราคาต้นทุนของเกษตรกรสหรัฐที่ 9USD/bushel แถมให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 58 ที่ดีราว 7% โดยคาดเงินปันผลปี 58 ที่ 1.62 บาท/หุ้น ประกอบกับปัจจุบันการปลูกถั่วเหลืองในสหรัฐนั้นต่ำกว่าที่คาดไว้เพราะมีปัญหาฝนตกหนักในพื้นที่ปลูกถั่วเหลือง ช่วยเสริม sentiment บวกให้กับราคาถั่วเหลืองในระยะกลางถึงระยะยาวด้วย ดังนั้นค่อยๆเก็บสะสม TVO ถือยาวๆกินปันผลกันนะครับ


ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน

ปัจจัยภายในประเทศ

+ ตั้ง "สมคิด" แก้ปมขัดแย้ง ค่าเช่าที่ดินในเขตเศรษฐกิจพิเศษ หลังเอกชนโอดค่าเช่ายังแพง ขณะธนารักษ์ยันเหมาะสม นายกฯสั่งเร่งหารือร่วม "คลัง-เอกชน" ให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว หวังผลักดันให้เห็นผลพร้อมให้สิทธิประโยชน์เพิ่มอีก 10 ประเภทกิจการ

+ ทางด้าน"ดีลอยท์" หวังอาเซียนสร้างเสถียรภาพการเมือง ดึงเงินลงทุนต่างชาติกลับปีหน้าหนุนไทยเข้าร่วม "ทีพีพี" รักษาฐานการผลิตในประเทศ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเกิดตามแผน ดันจีดีพีไทยปีหน้าโต 3-4%

- ภาคอสังหาฯ จี้รัฐเร่งสรุป มาตรการกระตุ้น "มี" หรือ "ไม่มี" เหตุผู้บริโภคชะลอโอนชัด ประเมินหากไร้มาตรการกระตุ้นฉุดตลาดซึมยาวต้นปีหน้า คาดปีนี้ภาพรวมอสังหาฯ มีโอกาสติดลบสูง เบรกรัฐขึ้นภาษีบ้านและที่ดิน 2-3 ปี คาดงานมหกรรมบ้านฯ ปลุกตลาดปลายปีไม่มาก แม้อัดโปรโมชั่นแรงดันยอด ด้านนายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า อยากเสนอให้ภาครัฐเลื่อนการประกาศใช้ พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด เพราะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวดี การประกาศใช้จะเกิดผลเชิงจิตวิทยา อีกทั้งการประชาสัมพันธ์ที่ยังไม่ชัดเจนอาจทำให้ประชาชนกังวลว่าจะต้องมีภาระเพิ่มขึ้น

- นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ย.ว่า ดัชนีอยู่ที่ 72.1 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 และต่ำสุดในรอบ 16 เดือน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมก็ปรับลดลงมาอยู่ที่ 61.2 สาเหตุสำคัญเพราะการบริโภคยังไม่ฟื้นตัว พร้อมเผยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายช่วงเทศกาลกินเจว่าเทศกาลกินเจปี 58 คาดว่ามีมูลค่าการใช้จ่าย 42,209 ล้านบาท ขยายตัวจากปีก่อน 2.9% ซึ่งเป็นมูลค่าสูงสุดตั้งแต่มีการสำรวจ เนื่องจากราคาสินค้าที่แพงและมีประชาชนเข้าร่วมกินเจมากขึ้น ดังนั้น จึงต้องการให้รัฐบาลเข้ามาควบคุมราคาผักและอาหารเจให้เหมาะสม

ปัจจัยต่างประเทศ

+ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,050.75 จุด พุ่งขึ้น 138.46 จุด หรือ +0.82%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 ต.ค.) ทำสถิติปิดบวกติดต่อกัน 5 วันทำการเป็นครั้งแรกในปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ระบุว่า จำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐปรับตัวลดลงมากกว่าคาดการณ์

+ ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 38.47 จุด หรือ 0.61% ที่ระดับ 6,374.82 จุด

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 ต.ค.) หลังธนาคารกลางอังกฤษมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะยังคงนโยบายการเงินเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ

- ดัชนีนิกเกอิปิดร่วงลง 181.81 จุด หรือ 0.99% แตะที่ 18,141.17 จุด

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากนิกเกอิพุ่งขึ้นติดต่อกัน 6 วันทำการก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังได้รับแรงกดดันหลังจากญี่ปุ่นเปิดเผยยอดสั่งซื้อเครื่องจักรที่ร่วงลงอย่างผิดคาดในเดือนส.ค.

- สัญญาน้ำมันดิบ ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 1.62 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 49.43 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 ต.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากมุมมองที่ว่า การลำเลียงขนส่งน้ำมันในตะวันออกกลางอาจจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่รัสเซียเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารในซีเรีย โดยพุ่งเป้าทำลายฐานที่มั่นของกลุ่มกองกำลังรัฐอิสลาม (IS) นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ