พฤกษามั่นใจยอดขายปีนี้ทะลุเป้า4.7หมื่นลบ.

พฤกษามั่นใจยอดขายปีนี้ทะลุเป้า4.7หมื่นลบ.

"พฤกษา" มั่นใจยอดขายปีนี้ทะลุเป้าที่ 4.7 หมื่นลบ. พร้อมปรับลดเปิดโครงการใหม่เหลือ 50-55 โครงการ หลังเศรษฐกิจชะลอ ลั่นกำไรปีนี้ดีกว่าปีก่อน

นายพรชลิต พลอยกระจ่าง รองประธานกรรมการ ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าวว่า บริษัทมั่นใจยอดขายปีนี้จะทำได้เกินที่ตั้งเป้าไว้ที่ 4.7 หมื่นล้านบาท โดย 8 เดือนที่ผ่านมาบริษัททำยอดขายได้แล้วกว่า 3.1 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 66% ของเป้าหมายยอดขายปีนี้ ซึ่งในช่วงที่เหลือของปีบริษัทคาดว่ายอดขายจะมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะไตรมาส 4 ที่เป็นช่วงไฮซีซั่นของภาคธุรกิจอสังหาฯ ซึ่งจะมีการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยกันมากขึ้น นอกจากนี้ในช่วงที่เหลือของปีบริษัทยังเตรียมเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 15-20 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 2-2.5 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทได้ปรับลดแผนการเปิดโครงการใหม่เหลือ 50-55 โครงการ มูลค่ารวม 5 หมื่นล้านบาท จากแผนเดิมที่วางไว้เปิด 70-75 โครงการ มูลค่า 5.5-6 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทจะเลื่อนเปิดโครงการที่มูลค่าไม่สูงมากออกไป ซึ่งมองว่าในปัจจุบันเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในสภาวะชะลอตัว ทำให้การเปิดโครงการมากเกินไปในปีนี้จะมีความเสี่ยงในการขายโครงการ และจะส่งผลทำให้ต้นทุนของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น

สำหรับรายได้ในปีนี้บริษัทมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าที่ 4.7 หมื่นล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้ 2.24 หมื่นล้านบาท โดยปัจจุบันมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงที่เหลือของปี และกำไรสุทธิในปีนี้คาดว่าจะเติบโตไปตามรายได้ ซึ่งทำให้กำไรสุทธิในปีนี้คาดว่าจะเติบโตมากกว่าปีก่อนที่ทำได้ 6.65 พันล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกสามารถทำกำไรสุทธิได้แล้ว 3.05 พันล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามในอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ในปีนี้คาดว่าจะต่ำกว่าปีก่อนที่ 36.67% ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯอยู่ในจุดที่ต่ำที่สุดแล้วคือ 33.6% เป็นผลจากบริษัทฯได้รับแรงกดดันจากส่วนต่างราคาขายในโครงการ และต้นทุนราคาที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้น

"Gross Margin ในปีนี้คาดว่าจะต่ำกว่า 35% ซึ่งต่ำกว่าปีก่อนที่มี Gross Margin 36.67% ซึ่งเราไม่สามารถขึ้นราคาขายให้เป็นไปตามปกติที่ 5-7% ซึ่งในปีนี้ปรับเพิ่มขึ้นได้เพียง 1-2% เท่านั้น และยังเป็นผลจากต้นทุนราคาที่ดินที่เพิ่มมากขึ้น อาทิเช่น ที่ดินในเมืองราคาขายปรับเพิ่ม 20-30% และนอกเมืองราคาขายเพิ่มขึ้น 5-10% ซึ่งหากบริษัทฯปรับราคาขายให้อยู่ระดับปกติที่ 5-7% จะได้รับผลกระทบเพราะในปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในสภาวะชะลอตัว" นายพรชลิต กล่าว