Market Focus (31 ส.ค.58)

Market Focus (31 ส.ค.58)

ชะลอความร้อนแรงลง

SET View

- แนวโน้ม วันนี้ คาด SET แกว่งตัวออกข้าง แม้ในเชิงเทคนิค มีสัญญาณบวกจากการยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน (บริเวณ 1357 จุด) เมื่อวันศุกร์ แต่ถูกหักลบด้วย แรงขายที่เข้ามามากกดดันให้ SET ไม่ผ่านแนวต้าน 1380 จุด ประเมินกรอบ SET วันนี้ 1355-1375 จุด แนวโน้มระยะกลาง คาดว่า SET จะแกว่งตัวสร้างฐานราว 3-5 วันบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน (1350-1370 จุด)

สัญญาณบวกที่เราเห็นเพิ่มเติม คือ แรงขายของนักลงทุนต่างชาติเริ่มชะลอลง กล่าวคือ ค่าเฉลี่ยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเท่ากับ -3.1 พันล้านบาท แต่เมื่อวันศุกร์ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเพียง 1.2 พันล้านบาท

ข่าว/ดัชนีเศรษฐกิจ

• รองประธาน Fed แสดงความเห็นในงานประชุมด้านนโยบายเศรษฐกิจประจำปีที่ Jackson Hole ว่า เงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในระยะถัดไป และ Fed มีโอกาสเริ่มใช้นโยบายการเงินตึงตัว คือการขึ้นดอกเบี้ย อย่างค่อยเป็นค่อยไป

• เวเนซุเอล่า เป็นอีกหนึ่งประเทศ นอกจากแอลจีเรียและอิหร่าน ที่ออกมาสนับสนุนให้ OPEC จัดประชุมฉุกเฉินก่อนการประชุมอย่างเป็นทางการ 4 ธ.ค. โดยคาดหวังว่า การประชุมจะช่วยรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันได้ หลังจากราคาตกต่ำอย่างมากในช่วง 2 เดือนหลังสุด ส่งผลให้ราคาน้ำมันเริ่มฟื้นตัวกลับมาเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน โดยเมื่อวันศุกร์ Brent +5.2% และ WTI +6.3%

- กลยุทธ์การลงทุน : เก็งกำไรระยะสั้นหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ซึ่งได้รับผลบวกระยะสั้นจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมัน และหุ้นที่มี Valuation ถูก

  Top Daily Pick : PTT (มูลค่าเหมาะสม 363 บาท) เชิงเทคนิคราคาหุ้นยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน (ที่ระดับ 264 บาท) มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อ, ได้รับ sentiment บวกจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันและข่าวการปรับเพิ่มราคา NGV และ SPALI (มูลค่าเหมาะสม 27 บาท) Valuation ถูกมาก ซื้อขายที่ P/E ต่ำเพียง 6.1 เท่า คาดการณ์ Dividend yield 6% สำหรับปีนี้ (คาดจ่ายอีก 0.50 บาทจากผลประกอบการ 2H58)

  Technical Pick : GENCO JAS CPN AP PTTEP (โปรดอ่านบทวิเคราะห์ Technical เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน)

  Theme Plays : หุ้นปันผลเด่น (INTUCH, EGCO) / หุ้นได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า (KCE, SVI, SAPPE)

Strategy Talk

- นโยบายเศรษฐกิจเร่งด่วน กระตุ้นกำลังซื้อชาวรากหญ้า

ฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ธนาคารเกียรตินาคิน (Kiatnakin Intelligence หรือ KKI) สรุปนโยบายด้านเศรษฐกิจของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แบ่งออกเป็น 2 ภารกิจสำคัญ ได้แก่

• ภารกิจระยะสั้นและเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร, ผู้มีรายได้น้อย, SME โดยใช้นโยบายกองทุนหมู่บ้าน, โครงการลงทุนขนาดเล็ก วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท, ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan) แก่ SME ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFI)

• ภารกิจระยะยาว เน้นสร้างความสามารถในการแข่งขัน ได้แก่ หนุนการเติบโตธุรกิจท้องถิ่น, พัฒนาคลัสเตอร์, สนับสนุนธุรกิจเกิดใหม่หรือ Startup (โครงการนักรบเศรษฐกิจ), เร่งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน, และปฏิรูปรัฐวิสสาหกิจ

ทั้งนี้ KKI และ kktrade มองว่า นโยบายที่เป็นรูปธรรมและจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจและบริษัทจดทะเบียนได้เร็วสุด คือ กองทุนหมู่บ้าน เพราะเป็นการอัดฉีดเม็ดเงินโดยตรง สำหรับนโยบายกองทุนหมู่บ้าน เคยนำมาใช้ในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ปี 2544 อย่างไรก็ดี ตอนนั้น วงเงินรวมสูงถึง 7 หมื่นล้านบาท (7 หมื่นหมู่บ้านทั่วประเทศ ได้รับเงิน 1 ล้านบาทต่อหมู่บ้าน) เทียบกับครั้งนี้ที่ตั้งงบประมาณไว้เพียง 4 หมื่นล้านบาท

คาดว่า มาตรการกระตุ้นนี้ จะช่วยให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากขึ้นและเม็ดเงินจะถูกนำมาหมุนเวียนใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่กำลังซื้ออ่อนแอในช่วงก่อนหน้านี้เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ โดยกลุ่มธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับประชาชนรากหญ้าและมีฐานลูกค้าในต่างจังหวัดเป็นหลัก จะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายกองทุนหมู่บ้าน ได้แก่

• ลีสซิ่ง ได้แก่ GL (สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์), GCAP (สินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร โดยเฉพาะรถเกี่ยวข้าว คิดเป็น 80% ของรายได้รวม), THANI (สินเชื่อรถบรรทุก คิดเป็น 74% ของยอดสินเชื่อรวม), TK (สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์)

• ค้าปลีกที่เน้นต่างจังหวัด ได้แก่ GLOBAL (สาขาอยู่ในต่างจังหวัดทั้งหมด, ฝ่ายวิจัยภัทร ประเมินมูลค่าเหมาะสม 9.90 บาท), MC (จำนวนสาขาในต่างจังหวัดคิดเป็น 70% ของจำนวนสาขาทั้งหมด, มูลค่าเหมาะสม 15.70 บาท)

• วัสดุก่อสร้าง ได้แก่ DRT (ลูกค้าหลักอยู่ในต่างจังหวัดด้วยการขายผ่านตัวแทนจำหน่ายและร้านโมเดิร์นเทรด), DCC (ยอดขายมาจากต่างจังหวัดราว 75% ของยอดขายรวม)