ศาลปค.กลาง สั่งไม่รับฟ้อง'วัฒนา เมืองสุข'ออกนอกประเทศ

ศาลปค.กลาง สั่งไม่รับฟ้อง'วัฒนา เมืองสุข'ออกนอกประเทศ

ศาลปกครองกลาง สั่งไม่รับฟ้อง" วัฒนา เมืองสุข " ร้องเพิกถอนประกาศ คสช. ห้ามออกนอกประเทศ ชี้รธน.ชั่วคราวม. 47รับรองประกาศและการกระทำคสช.ไว้

นายโสภณ บุญกูล รองอธิบดีศาลปกครองกลาง เจ้าของสำนวนคดี และองค์คณะ มีคำสั่งไม่รับฟ้อง คดีหมายเลขดำ 1343/2558 ที่นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ( คสช.) เป็นผู้ถูกฟ้อง เรื่องกระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จากกรณีที่มีการออกประกาศ คสช. ฉบับที่ 21/2557 ลงวันที่ 23 พ.ค.57 ห้ามบุคคลที่มีชื่อ 155 ราย เดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่จะได้รับอนุญาต ซึ่งนายวัฒนา ผู้ฟ้อง เป็น 1 ใน 155 รายชื่อดังกล่าวด้วย 

โดยคดีนี้นายวัฒนา มอบอำนาจให้ นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 23 ก.ค.58 ที่ผ่านมา ซึ่งคำฟ้องระบุว่า ประกาศดังกล่าว เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากประกาศ คสช. ที่ห้ามบุคคล มีชื่อ 155 ราย เดินทางออกนอกราชอาณาจักร ประกาศใช้บังคับกับบุคคลที่ระบุไว้โดยเฉพาะเจาะจง 155 ราย ด้วยเหตุผลทางการเมือง ไม่ได้เป็นการใช้บังคับกับประชาชนเป็นการทั่วไป และการระบุชื่อก็เกิดจากดุลพินิจของผู้ถูกฟ้องเพียงฝ่ายเดียวโดยคำนึงถึงผลทางการเมืองเช่นเดียวกัน ไม่มีหลักเกณฑ์ใดให้ยึดถือปฏิบัติ ซึ่งการแจ้งผลว่าจะอนุญาตให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรได้หรือไม่ ก็จะแจ้งด้วยวาจาผ่านทางโทรศัพท์ ไม่มีเอกสารหลักฐานใดแสดงการอนุญาต นอกจากนี้ประกาศดังกล่าวยังมีลักษณะ เลือกปฏิบัติ มีขึ้นเพื่อประโยชน์ทางการเมืองและถูกใช้เป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมือง

รวมทั้งจำกัดสิทธิและเสรีภาพในการเดินทางที่เป็นเสรีภาพของบุคคล ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และยังขัดต่อรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่ใช้บังคับอยู่ปัจจุบันด้วย โดยในส่วนของผู้ฟ้อง ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร คณะทำงานผู้ถูกฟ้อง แจ้งผลว่า เนื่องจากผู้ฟ้องแสดงความเห็นผ่านสื่อวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ผู้ถูกฟ้อง จึงให้ชะลอการยื่นเรื่องขอเดินทางไว้ 3 เดือนก่อน หรือให้ยื่นเรื่องใหม่หลังวันที่ 18 ก.ย.นี้ 

ผู้ฟ้อง จึงขอให้ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาเพิกถอนประกาศ คสช. ฉบับที่ 21/2557 ดังกล่าว รวมทั้งขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวด้วย เพื่อให้ผู้ฟ้องเดินทางออกนอกราชอาณาจักรได้โดยไม่ต้องขออนุญาตตามประกาศ คสช.ได้เหมือนบุคคลทั่วไป 

ทั้งนี้ศาลปกครองกลาง พิจารณาข้อเท็จจริง ประกอบกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว เห็นว่า ประกาศ คสช. และการออกคำสั่งไม่อนุญาตดังกล่าว เป็นการปฏิบัติตามประกาศ คสช.ที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 มาตรา 47 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้บรรดาประกาศ และคำสั่ง คสช. หรือ คำสั่งของ หัวหน้า คสช. ที่ได้ประกาศหรือสั่ง ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.57 จนถึงวันที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าประกาศหรือคำสั่งให้มีผลบังคับในทางรัฐธรรมนูญ ในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร ในทางตุลาการ ก็ให้ประกาศหรือคำสั่ง ตลอดจนการปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งนั้นไม่ว่าจะทำก่อนหรือหลังรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ ก็ให้เป็นประกาศหรือคำสั่ง หรือการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ และเป็นที่สุด ศาลปกครองจึงไม่อาจรับคำฟ้องไว้พิจารณาได้ จึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้ และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ 

ภายหลังรับทราบคำสั่งศาลแล้ว นายนรินท์พงศ์ ทนายความ กล่าวว่า จะรายงานผลคำสั่งไม่รับฟ้องของศาลปกครอกลางให้นายวัฒนา ทราบ ซึ่งเราจะไม่หยุดคดีเพียงเท่านี้ เพราะเราเห็นว่ายังมีข้อกฎหมายและหลักเสรีภาพที่ประกาศ คสช. ยังขัดอยู่ ดังนั้นจะหารือกับนายวัฒนา เพื่อเตรียมจะยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฟ้องนี้ต่อศาลปกครองสูงสุดต่อไป ซึ่งเราจะมีเวลา 30 วัน ตามกฎหมาย หากดำเนินการทำคำอุทธรณ์ไม่ทันภายในกรอบเวลาดังกล่าว เราก็จะยื่นขอขยายเวลาอุทธรณ์ต่อไป