ทดสอบแนวรับ 1475/1460 จุด

ทดสอบแนวรับ 1475/1460 จุด

ซื้อคืนเพื่อเก็งกำไรบริเวณ 1475/1460 จุด เน้นหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการลงทุนของรัฐฯ

Market Outlook

คาดดัชนีฯ สัปดาห์นี้ ทดสอบแนวรับ 1475/1460 จุด วิตกปัญหาหนี้กรีซลุกลาม แนะเลือกเก็งกำไรรายตัวบริเวณแนวรับ

คาดดัชนีฯ สัปดาห์นี้ ทดสอบแนวรับ 1475/1460 จุด หลังผลการทำประชามติกรีซออกมา โหวต No ถึง 61% ไม่รับข้อเสนอเจ้าหนี้ จะส่งผลลบชั่วคราวต่อสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก (ตลาด Futures ของตลาดหุ้นยุโรป -4% สหรัฐฯ -1.25%) แต่ข่าวดีคือ โอกาสที่เฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด อาจจะล่าช้าออกไป (จับตาความเห็นที่แตกต่างกันระหว่างประธานเฟดสาขาต่างๆ สัปดาห์นี้) ขณะที่สัปดาห์นี้จับตา การหารือผู้นำชาติยุโรป และอีซีบี ว่าจะดำเนินการกับกรีซอย่างไรต่อไป และผลประชุมอิหร่าน-ชาติมหาอำนาจโลก ต่อ
โครงการนิวเคลียร์ (จะเป็นบวกต่อราคาน้ำมันดิบ หากไม่สามารถเจรจากันได้) รวมถึง รายงานผลกำไรบจ (USA เริ่มประกาศสัปดาห์นี้ นำโดย ALCOA PEPSI ส่วนกลุ่มแบงก์ไทยคาดแรงขายจะเริ่มชะลอลง หลังร่วงลงสัปดาห์ก่อนถึง -5.3%w-w จากการต้องกันสำรองหนี้เสีย สูงกว่าคาดมาก)

กลยุทธ์ ซื้อคืนเพื่อเก็งกำไรบริเวณ 1475/1460 จุด เน้นหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการลงทุนของรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง กลุ่มสื่อสาร พลังงานทางเลือก


ประเด็นเด่นสัปดาห์นี้ ได้แก่

1) +/-รายงานเศรษฐกิจสำคัญ : จับตา รายงานผลประชุมเฟดที่ผ่านมา (FED MINUTE) วันพุธนี้และถ้อยแถลงของประธานเฟดสาขาต่างๆตลอดสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะประธานเยลเล่น จะมีสุนทรพจน์วันศุกร์นี้ เพื่อตีความถึงความเป็นไปได้ที่เฟดจะตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยในเดือนกย หรือ ธค ส่วนวันพุธที่ 7 ก.ค. จับตาผลการเจรจาอิหร่านกับ 6 ชาติมหาอำนาจโลก ที่เลื่อนกำหนดเส้นตายมาจากเดิมสิ้นเดือน มิ.ย. ขณะที่ BOE จะมีการประชุมวันพฤหัสฯ นี้ ส่วนสัปดาห์หน้า ตัวเลขเศรษฐกิจจะมีความสำคัญมากขึ้น โดยจับตา จีน รายงานตัวเลขดุลการค้า ค้าปลีก 2Q58F GDP วันที่ 13-15 ก.ค., สิงคโปร์ รายงาน 2Q58F GDP, สหรัฐฯ รายงาน FED Beige Book 16 ก.ค. และ BOJ,
ECB ประชุม 15 ก.ค. และ 16 ก.ค. ตามลำดับ

2) -ปัญหาหนี้กรีซ : ผลการทำประชามติ วันอาทิตย์ พบว่า ผู้โหวต No มีสูงถึง 61% ส่งผลให้ปัญหากรีซเสี่ยงล้มละลาย จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นโลกต้นสัปดาห์นี้ และคาดว่าจะผิดนัดชำระหนี้อีซีบี วันที่ 20 ก.ค. จำนวน 3.5 พันล้านยูโร

3) 2Q58F Earnings outlook: กลุ่มแบงก์ ส่งสัญญาณผลการดำเนินงาน 2Q58 ลดลงอย่างมีนัย หลังการผิดนัดชำระหนี้นานขึ้นจนกลายเป็น NPL ทำให้ธนาคารฯต้องตั้งสำรองเพิ่มเฉลี่ย 50 bps ส่งผลกำไรปีนี้ เกิด Downward revision รอบใหม่ประมาณ 15-20% ทั้งนี้ เราคาดว่ากลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี วัสดุก่อสร้าง ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ มิเดีย พลังงานทางเลือก จะเป็นกลุ่มที่รายงานกำไรดีขึ้น q-q ส่วนกลุ่มแบงก์ ลิสซิ่ง ประกันภัย สื่อสาร คาดรายงานกำไรเติบโตชะลอตัว (ดูรายงานในเล่ม)

สหรัฐฯ ALCOA จะประกาศผลการดำเนินงานเป็นบริษัทแรกในวันพุธ (คาด EPS $0.23 Vs 2Q57 $0.18) ตามมาด้วย PEPSI ในวันพฤหัสฯ ส่วนกลุ่มการเงิน จะทยอยประกาศสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ FACTSET คาด 2Q58F Earnings จะเติบโต -4.5%y-y (ณ สิ้นเดือน มี.ค. อยู่ที่ -2.1%y-y) นำลงโดยกลุ่ม Industrial จากผลกระทบของดอลล์แข็งค่าเทียบเยน ยูโร โดยผลสำรวจ 107 บจ พบว่า มี 80 บจ. หรือ 75% (1Q58 อยู่ที่ 84% และค่าเฉลี่ย 5 ปีอยู่ที่ 69%) ส่งสัญญาณกำไรลดลง และมีเพียง 27 บจ. ส่งสัญญาณกำไรสูงขึ้น (Vs 3Q54 เป็นไตรมาสที่รายงานกำไร -1%y-y) เราคาดว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯจะผันผวนตามรายงานผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน โดยคาดว่ากลุ่มพลังงานจะรายงานกำไรดีขึ้น q-q (2Q58 crude price +20.5%q-q เป็น $59.47 จาก $47.60 ต่อบาร์เรล)

4) สหรัฐฯอนุมัติเมื่อ 29 มิ.ย. 58 ต่ออายุ GSP ให้ไทยอีก 4 ปี 5 เดือนไปสิ้นสุด เดือน ธ.ค. 2560 (จากเดิมที่หมดอายุลง 1 ม.ค. 54 - 31 ก.ค. 56) มีผลหลังจากลงนามแล้ว 30 วัน) ดังนั้น ผู้ส่งออกไทยสามารถขอคืนภาษีย้อนหลังตั้งแต่ 1 ส.ค. 56 จนถึงปัจจุบัน โดยสามารถขอคืนภาษีนำเข้าได้ภายใน 180 วัน หลังจากโครงการจีเอสพีมีผลบังคับใช้ สินค้าที่ได้รับประโยชน์จากกการต่ออายุจีเอสพีในครั้งนี้ ราว 3,400 รายการ (เกษตรและอุตสาหกรรม) คิดเป็นมูลค่าภาษีที่จะได้รับคืนย้อนหลังประมาณ 6,200 ล้านบาท โดยมีสินค้าขอคืนภาษีหลักได้แก่ >> อาหารปรุงแต่ง 390 ล้านบาท >> เครื่องปรับอากาศ 200 ล้าน บาท >> ถุงมือยาง 160 ล้านบาท >> สายไฟในรถยนต์ 130 ล้านบาท >> สุขภัณฑ์ 130 ล้านบาท >> กุญแจรถ 100 ล้านบาท


สัญญาณทางเทคนิค รูปแบบระยะกลางของดัชนีฯ ยังคงเป็นรูปแบบขาลง Descending triangle โดยมีสัญญาณลงไปที่ 1448 จุด หากหลุดแนวรับหลัก 1475จุด ส่วนระยะสั้น ดัชนีไม่สามารถกลับมายืนเหนือเส้น Uptrend Line ได้ ขณะที่ Indicators ให้สัญญาณลบมากขึ้น ดัชนีจึงคงเสี่ยงต่อการไหลลงหาแนวรับ แต่ก็มีตัวของ Spinning เกิดขึ้น ที่ชี้ถึงความพยายามที่จะเด้งตัวขึ้น รวมไปถึงตลาดที่พยายามเข็นหุ้นเล็กถึงกลางขึ้นมา ทำให้เราคาดว่าแนวรับ 1475 จุด จะรองรับดัชนีไว้ได้ อีกทั้งดัชนีก็น่าจะรับรู้ผลกระทบจากปัจจัยลบ แล้ว แนวต้านอยู่ที่ 1500/1515 จุด