อินเทลซื้ออัลเทราหนุนหุ้นสหรัฐปิดบวก

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดที่ 18,037.29 จุด ปรับขึ้นมา 26.61 จุด หรือ 0.15% ส่วนดัชนีเอส แอนด์ พี 500 ไต่ระดับขึ้นมา 3.83 จุด หรือ 0.18% มาอยู่ที่ 2,111.22 จุด และดัชนีแนสแด็ก ปรับขึ้น 10.52 จุด หรือ 0.21% ปิดซื้อขายที่ 5,080.54 จุด

ราคาหุ้นอัลเทรา พุ่งขึ้นไปถึง 5.8% จากข่าวอินเทลยื่นข้อเสนอซื้อกิจการโดยให้ราคาหุ้นละ 54 ดอลลาร์ ถือเป็นการควบรวมกิจการขนาดใหญ่สุดเป็นอันดับ 2 ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ในช่วง 2 สัปดาห์

ขณะนักวิเคราะห์ชี้ว่า ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจ ที่โดยภาพรวมแล้วอยู่ในทิศทางบวก ทั้งการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้น เช่นเดียวกับรายได้บุคคลในเดือนเมษายน ที่เพิ่มมากขึ้น แม้การใช้จ่ายของผู้บริโภคจะปรับลดลงก็ตาม

ทางด้านตลาดหุ้นหลักๆ ของยุโรป ปิดปรับตัวไร้ทิศทางชัดเจน เนื่องจากรอดูการเจรจาวิกฤติหนี้กรีซ ที่ถึงกำหนดเส้นตายชำระหนี้ก้อนโตในสัปดาห์นี้

ดัชนีเอฟทีเอสอี 100 ของอังกฤษ ปรับตัวลง 0.44% มาอยู่ที่ 6,953.58 จุด ขณะที่ดัชนีแค็ก 40 ของฝรั่งเศส ขยับขึ้นมา 0.35% มาอยู่ที่ 5,025.30 จุด และดัชนีแด็กซ์ 30 ในเยอรมนี ปรับขึ้น 0.19% ปิดซื้อขายที่ 11,436.05 จุด

เทรดเดอร์ชี้ว่า ความกังวลในเรื่องหนี้กรีซ เป็นปัจจัยหลักที่กดดันตลาดยุโรปอยู่ โดยในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ (5 มิ.ย.) จะถึงกำหนดที่กรีซต้องชำระหนี้จำนวน 300 ล้านยูโรให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ซึ่งมีความวิตกกันว่า กรีซอาจไม่มีเงินก้อนนี้ และอาจต้องผิดชำระหนี้ ซึ่งอาจส่งผลต่อเนื่องให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ตามมา ก่อนที่จะลงเอยด้วยการที่กรีซตัดสินใจเลิกใช้เงินยูโร

ราคาน้ำมันร่วงรอดูผลประชุมโอเปค
ราคาน้ำมันปรับลดลง จากการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ และตลาดรอดูผลการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือโอเปค ที่คาดว่า จะทำให้ผลผลิตน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท ส่งมอบเดือนกรกฎาคม ที่ตลาดไนเม็กซ์ สหรัฐ ลดลง 10 เซนต์ มาอยู่ที่ 60.20 ดอลลาร์ ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ ส่งมอบเดือนเดียวกัน ซื้อขายที่ตลาดลอนดอน อังกฤษ ลดลง 68 เซนต์ มาอยู่ที่ 64.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

นักวิเคราะห์บอกว่า การปรับลดลงในการซื้อขายเมื่อวานนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของตลาดที่จะฟื้นตัวขึ้นมา และพยายามประเมินว่า การปรับขึ้นครั้งใดของราคาน้ำมัน ที่เป็นการขึ้นมาอย่างมีเสถียรภาพ
ตลาดยังรอดูโควตาการผลิตของกลุ่มโอเปค ซึ่งคาดว่าจะคงเพดานการผลิตไว้ในระดับสูงต่อไป