นายกฯแนะขุดบ่อหาแหล่งน้ำ ช่วยรัฐรับมือภัยแล้ง

นายกฯแนะขุดบ่อหาแหล่งน้ำ ช่วยรัฐรับมือภัยแล้ง

"พล.อ.ประยุทธ์" นายกฯ แนะขุดบ่อหาแหล่งน้ำ ช่วยรัฐรับมือภัยแล้ง ชี้ก่อนปลูกพืชหารือกระทรวงเกษตรฯและศูนย์ดำรงธรรมก่อน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า วันนี้ต้องการให้ประชาชนเข้าใจถึงสภาพลมฟ้าอากาศประจำปีนี้ โดยฤดูฝนนี้เราจะมีฝนลดน้อยลงอาจตกไม่ทั่วถึงและอาจจะมีปัญหาภัยแล้งเกิดขึ้นซึ่งจะมีปัญหาเรื่องการเตรียมการปลูกพืชในฤดูการใหม่ ปัจจุบันปริมาณน้ำในเขื่อนมีประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์และในแหล่งน้ำขนาดใหญ่มีประมาณไม่เกิน 30 เปอร์เซ็นต์ ก็ต้องบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่ให้ได้ทั้งน้ำอุปโภคบริโภค น้ำประปา การดูแลเรื่องของผลผลิตด้านการเกษตร รวมทั้งดูแลเรื่องของการผลักดันน้ำเค็มด้วย ดังนั้นในปีนี้ขอให้ทุกคนระมัดระวัง

“ขอให้ประชาชนทุกคนช่วยรัฐขุดหรือทำที่กักเก็บน้ำที่บ้านเพื่อเอาไว้ใช้จะทำขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ได้เพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง เพราะการช่วยเหลือจากภาครัฐไม่อาจไปได้ทั่วถึงทุกที่ ยิ่งถ้าต้องใช้พลังงานไฟฟ้ายิ่งลำบากเพราะถ้าไม่เตรียมการตั้งแต่วันนี้จะมีปัญหาในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน นอกจากนี้เกษตรกรจะเพาะปลูกพืชอะไรขอให้ปรึกษาหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหารือกับทางศูนย์ดำรงธรรมของกระทรวงมหาดไทยด้วยว่ามีความเหมาะสมที่จะปลูกหรือไม่ และถ้าปลูกแล้วหากเกิดความเสียหายจะทำอย่างไรเพราะรัฐเองไม่สามารถที่จะอุดหนุนได้มากนัก จึงขอให้เกษตรกรเข้าใจถึงสภาวะการณ์ในปัจจุบัน เรียกว่าเป็นการทำงานของเกษตรสมัยใหม่ ไม่ใช่อาศัยน้ำฝนเพียงอย่างเดียว ต้องนำความรู้ เทคโนโลยีและความรู้ต่างๆ มาใช้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์​กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลทำได้นอกเหนือจากการหาแหล่งน้ำเท่าที่ทำได้ และการจัดทำฝนหลวงให้มากขึ้นซึ่งก็ต้องอาศัยเมฆจำนวนมาก คือเรื่องการออก พ.ร.บ.การเช่าที่นาซึ่งได้สั่งการอย่างชัดเจนเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้เช่า โดยเจ้าของนากับผู้เช่านาจะต้องมีสัญญา เพื่อจะได้ทราบถึงตัวเลขที่แท้จริงที่จะไปลดค่าใช้จ่ายในการลงทุนในการทำการเกษตร เป็นความพยายามลดความเหลื่อมล้ำ เช่นที่นาในและนอกเขตชลประทานควรจะต้องต่างกัน และต้องชัดเจนว่าใครเป็นเจ้าของนาที่แท้จริง เพื่อแก้ปัญหาทับซ้อนของข้อมูล ซึ่งตนได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรฯและมหาดไทยสำรวจข้อมูลให้ได้ข้อเท็จจริงโดยเร็ว ถือเป็นเรื่องการปฏิรูปอะไรที่เป็นความเดือดร้อนเร่งด่วน จะต้องเร่งปฏิรูปเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมเพื่อนำไปสู่ความยั่งยืน

“รวมทั้งการจัดหารถไถก็กำลังดำเนินการในระยะแรกซึ่งจะพยายามหาให้ทัน ก็อาจจะไปอยู่ที่ทหารก่อน ทหารก็จะเป็นคนควบคุมที่ในการไถ และการใช้เครื่องมือเครื่องจักร จะได้ลดราคาค่าเช่าเครื่องจักรในการไถและเก็บเกี่ยว ซึ่งจะต้องสอดคล้องตามที่ได้สั่งการไว้ก่อนหน้านี้ว่านาพื้นที่ไม่มาก 5-10 ไร่ เป็นเบี้ยหัวแตก ต้องไปรวมเป็นสหกรณ์นาให้ได้สัก 100 ไร่จะไปไถในราคาเดียวกันได้ ถือเป็นการคิดทั้งระบบเป็นการปฏิรูป ถ้ามัวแต่คิดแบบเดิมตามยอดที่มีมา ตามข้อมูลเดิม พอขาดเหลือก็เจือจานด้วยการจำนำบ้าง ประกันบ้าง มันก็หายไปเฉยๆมีการนำไปใช้อย่างอื่นด้วย ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาระยะยาว จึงขอชี้แจงให้เกษตรกรทุกคนเข้าใจว่ารัฐบาลทำทั้งหมด ข้าว ยางพารา ปาล์ม อ้อย สับปะรดซึ่งทุกอย่างมีคณะกรรมการดูแลทั้งหมด และผมเป็นผู้คุมนโยบายทั้งหมดในทุกกลุ่มการเกษตร เน้นเรื่องการลดคาใช้จ่ายในการเพาะปลูก สร้างห่วงโซ่ทางคุณค่าว่าทำอย่างไรบริษัทใหญ่ๆจะเข้าไปซื้อตรงจากเกษตรกรแล้วนำไปเพิ่มมูลค่า จากนั้นก็ไปทำสัญญากับประเทศต่างๆ เศรษฐกิจในภาพรวมก็จะเดินหน้า สร้างห่วงโซ่เป็นสังคมพึ่งพาอาศัยกัน ที่สำคัญต้องลดค่าใช้จ่ายทางการผลิต” นายกรัฐมนตรี กล่าว