VNG : ตลาดขาขึ้น พร้อมบุกสินค้า High Value Added

VNG : ตลาดขาขึ้น พร้อมบุกสินค้า High Value Added

แนวโน้มธุรกิจปี 2558 สดใส รับประโยชน์เต็มที่จากต้นทุนการผลิตที่ลดลง พร้อมปรับสายการผลิตไปสู่สินค้า Margin สูง ดันกำไรเติบโตต่อเนื่อง

โดยคาดกำไรสุทธิปี 2558 จะเพิ่มขึ้นกว่า 42%YoY แนะนำ ซื้อ

แนวโน้มธุรกิจสดใส รับประโยชน์จากต้นทุนการผลิตที่ลดลง

แนวโน้มธุรกิจของ VNG ยังคงสดใสอย่างมาก จากความนิยมใช้ Panel Board เพื่อทดแทนไม้ธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศ ในขณะที่ Supply ใหม่เกิดขึ้นไม่มาก เนื่องจากข้อจำกัดด้านวัตถุดิบในประเทศผู้ส่งออกหลัก ทั้งมาเลเซียและอินโดนีเซีย ส่งผลให้ราคาผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะแผ่น MDF สามารถยืนอยู่ได้ในระดับสูงต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2557 สำหรับต้นทุนการผลิตที่สำคัญมีแนวโน้มปรับลดลงแทบทุกรายการ ไม่ว่าจะเป็นเศษไม้ยางพาราซึ่งเป็นต้นทุนการผลิตหลัก คาดว่าจะทรงตัวในระดับต่ำตลอดทั้งปี เนื่องจากนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนให้เกษตรกรโค่นต้นยางพาราแก่ เพื่อลด Supply ยางพารา ทำให้มี Supply เศษไม้ออกมาจำนวนมาก ขณะที่ต้นทุนการผลิตกาวปรับตัวลดลงตามราคายูเรีย และ Methanol เช่นเดียวกับค่าไฟฟ้าที่ลดลงตามราคาก๊าซธรรมชาติ จึงเชื่อว่าปีนี้ VNG มีโอกาสทำ gross margin ได้สูงถึง 25% มากกว่าค่าเฉลี่ยปี 2557 ที่ทำได้ 22.4%


ปรับสายการผลิตใหม่ เน้นเพิ่มยอดขายสินค้า margin สูง

ภาวะอุปทานตึงตัวในสินค้า MDF ซึ่งเป็นสินค้าที่มี margin สูง ทำให้ VNG ตัดสินใจดัดแปลงสายการผลิต Particle Board ซึ่งให้ margin ต่ำกว่า จำนวน 3 แสน ลบม./ปี มาผลิต MDF แทน โดยจะใช้เงินลงทุน 800 ล้านบาท และใช้เวลาเพียง 9 เดือน เทียบกับการสร้างโรง MDF ใหม่ที่จะต้องใช้เงินลงทุนกว่า 3 พันล้านบาท และใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 2 ปี โดยจะเริ่มก่อสร้าง 4Q58 และพร้อมดำเนินการได้ใน 2Q59 และมองหาโอกาสในการซื้อกิจการโรงงาน Particle Board ในประเทศเพื่อทดแทนกำลังการผลิตที่หายไป นอกจากนี้ VNG ยังจะมุ่งเน้นผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (HVA) ได้แก่ Laminate Flooring และ แผ่นไม้ปิดผิว โดยตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนรายได้สินค้า HVA ขึ้นเป็น 50% ของยอดขายรวมในช่วง 3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่ 17% โดยปีนี้ VNG จะมีกำลังการผลิต Laminate Flooring เพิ่มจาก 6 ล้าน เป็น 10 ล้านตรม./ปี และโรงปิดผิวเพิ่มจาก 1.5 แสน เป็น 3 แสน ลบม./ปี


Growth Story น่าสนใจ พร้อม Upside อีก 33% แนะนำ ซื้อ

ฝ่ายวิจัยคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2558 เติบโต 42%YoY เป็น 1,071 ล้านบาท และเชื่อว่าโอกาสทางธุรกิจที่ยังเปิดกว้างสำหรับการพัฒนาไปสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่หลายหลายไม่ว่าจะเป็นแผ่นฝ้า และผนัง ซึ่งเป็นตลาดที่ VNG ยังไม่เคยเข้าไป จะทำให้ผลประกอบของ VNG มีโอกาสเติบโตได้ในระยะยาว โดยประเมิน Fair Value อิง PER 15 เท่า จะให้ราคาเหมาะสม 10.25 บาท มี Upside 33%