สอบ2คนร้ายบึ้มป่วนเมือง หวังก่อเหตุ12-15มี.ค.

สอบ2คนร้ายบึ้มป่วนเมือง หวังก่อเหตุ12-15มี.ค.

จากพารากอนถึงศาลอาญา บึ้มป่วนเมือง สอบสวน 2 คนร้าย เตรียมจะก่อเหตุรุนแรงโดยใช้วัตถุระเบิดในวันที่ 12 และ 15 มีนาคม นี้

แม้หน่วยงานความมั่นคงจะพยายามสกัดกั้นกลุ่มคนร้ายที่มีพฤติการณ์ป่วนเมืองเพื่อหวังผลทางการเมือง ไม่ให้ก่อเหตุรุนแรงขึ้นในกรุงเทพมหานคร แต่ดูเหมือนความพยายามนั้นไม่เป็นผลเมื่อ 2 คนร้าย สามารถเล็ดลอดนำระเบิด RGD5 ขว้างเข้าใส่บริเวณลานจอดรถด้านหน้าอาคารศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลาประมาณ 20 นาฬิกา วันที่ 7 มีนาคม 2558 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของหน่วยงานด้านการข่าวทั้งของทหารและตำรวจ ซึ่งแม้คนร้ายจะลงมือก่อเหตุได้สำเร็จ แต่ก็หนีไม่รอดจากการติดตามจับกุม กลายเป็นเบาะแสสำคัญที่นำไปสื่อการขยายผลกระชากหน้ากากจอมบงการ

นับตั้งแต่เกิดเหตุระเบิดบริเวณทางเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟฟ้าสยามกับห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ทหารและตำรวจ ได้ร่วมกันติดตามเบาะแสจากบุคคลที่อยู่ในเครือข่ายต้องสงสัยก่อเหตุรุนแรงหลายคน กระทั่งได้ข้อมูลยืนยันตรงกันว่า กลุ่มหัวรุนแรงที่หวังผลทางการเมืองมีแผนจะก่อเหตุรุนแรงโดยการใช้วัตถุระเบิดในสถานที่สำคัญในกรุงเทพมหานครรวม 10 จุด ซึ่งเป้าหมายมีทั้งสถานที่ราชการ ห้างสรรพสินค้า และสถานที่สาธารณะที่มีผู้คนพลุกผล่าน ซึ่งศาลอาญา เป็นหนึ่งในเป้าหมายนั้น

ข้อมูลการข่าวทั้งทหารและตำรวจยืนยันตรงกัน เครือข่ายหัวรุนแรงที่เคลื่อนไหวในครั้งนี้เป็นความร่วมมือกันของกลุ่มเดิมๆ ที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล คือกลุ่มชลบุรี ที่มีหัวเรือใหญ่เป็นผู้หญิงชื่อย่อ ม. กลุ่มปทุมธานี ที่เคยมีบทบาทสำคัญในช่วงการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2557 มีหัวเรือใหญ่เป็นผู้ชายชื่อย่อ ก และกลุ่มมีนบุรี

ทหารและตำรวจจัดชุดลาดตระเวนนอกเครื่องแบบตรึงพื้นที่เป้าหมายที่กลุ่มหัวรุนแรงจะก่อเหตุมาได้ระยะหนึ่ง กระทั่งช่วงหัวค่ำคืนวันที่ 7 มีนาคม พบเห็นชาย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า สีน้ำเงิน-ดำ ทะเบียน วงต-967 กรุงเทพมหานคร มาที่หน้าศาลอาญารัชดาฯ แล้วคนซ้อนท้ายได้ปาสิ่งของเข้าไปภายในบริเวณศาลอาญา ก่อนจะเกิดเสียงระเบิดดังขึ้น

ทหารนอกเครื่องแบบซึ่งลาดตระเวนอยู่บริเวณนั้นจึงไล่สกัดควบคุมตัวบุคคลทั้งสอง แต่คนซ้อนท้ายได้ใช้ปืนยิงเพื่อเบิกทางหนี ทหารจึงยิงตอบโต้กระสุนถูกผู้ขับขี่จำนวน 4 นัด จนรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำ ทหารจึงควบคุมตัวผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ได้ ส่วนคนซ้อนท้ายได้ปีนกำแพงเข้าไปในพื้นที่หมู่บ้านหลังสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ทหารจึงออกติดตามก่อนจะควบคุมตัวเอาไว้ได้ พร้อมกับปืนลูกโม่ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก และแท็บแล๊ต อีก 1 เครื่อง

ทหารได้นำผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ก่อนจะควบคุมตัวไว้สอบสวนขยายผล ส่วนอีกคนถูกคุมตัวเข้าไปในค่ายทหาร ซึ่งจากการสอบสวนทราบว่า ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ชื่อ นายยุทธนา เย็นภิญโญ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71/11 หมู่ 7 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติพบมีคดีเกี่ยวกับยาเสพติดติดตัว ส่วนคนซ้อนท้ายชื่อนายมหาหิน ขุนทอง อายุ 34 ปี ที่อยู่ตามบัตรประชาชนคือ บ้านเลขที่ 4 หมู่ 12 ต.สวาท อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร

ตำรวจและทหารได้ตรวจค้นรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้เป็นพาหนะในการก่อเหตุ พบหนังสือการซื้อขายรถคันดังกล่าวระหว่างนายยุทธนา กับชายรายหนึ่ง ซึ่งมีที่พักอยู่ในย่านหนองจอก ซึ่งเป็นมีชื่อเป็นผู้ครอบครองรถจักรยานยนต์คันนี้ แต่ยังไม่มีการจดทะเบียนโอน หลังจากนี้ตำรวจจะเชิญตัวรายนี้เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบว่ามีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ครั้งนี้หรือไม่

การตรวจสอบแท็บเล็ตที่ยึดได้จากคนร้าย พบว่ามีการสื่อสารผ่านไลน์กับผู้ที่ใช้รูปโปรไฟล์เป็นผู้หญิง ใช้ชื่อในโปรไฟล์ว่าเดียร์ ซึ่งการสนทนามีเนื้อหาที่เกี่ยวกับการสั่งการให้ไปก่อเหตุที่ไหน กลายเป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้ทั้งตำรวจและทหารใช้ในการขยายผลติดตามตัวผู้บงการ

ส่วนการสอบสวนนายยุทธนา อ้างว่า รับว่าจ้างมาก่อเหตุจำนวน 20,000 บาท เพื่อให้นำระเบิดมาขว้างป่วนเมือง เพื่อหวังให้องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาควบคุมสถานการณ์ในประเทศไทย

หลังคำให้การดังกล่าวทหารและตำรวจได้เข้าตรวจค้นคอนโดมิเนี่ยมแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นที่พักของนายยุทธนา และนายมหาหิน พบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมืองจำนวนหนึ่ง จึงยึดไว้ตรวจสอบและขยายผลต่อไป

ในการสอบสวนทั้ง 2 คน ทำให้ตำรวจและทหาร ได้ข้อมูลที่ยืนยันการข่าวก่อนหน้านี้ ที่พบว่ากลุ่มผู้ไม่หวังดีเตรียมจะก่อเหตุรุนแรงโดยใช้วัตถุระเบิดในวันที่ 12 และ 15 มีนาคม นี้ แต่ยังไม่ทราบจุดว่าจะเป็นที่ไหนบ้าง โดยผู้ลงมือเป็นเครือข่ายเดียวกันกับที่ก่อเหตุระเบิดบริเวณทางเชื่อมรถไฟฟ้าสถานีสยามกับห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน มีตัวเชื่อมสำคัญคือ "ดราก้อน" มือประกอบระเบิดคนใกล้ชิดอดีตทหารพรานใน จ.ลพบุรี เครือข่ายหัวรุนแรงกลุ่มตรงข้ามรัฐบาล