เบรกร้อน

เบรกร้อน

คนใช้รถยนต์ส่วนใหญ่ในโลกนี้หากต้องการแต่งรถยนต์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ มักจะนึกถึงการเพิ่มพละกำลังของเครื่องยนต์

ให้สามารถเร่งออกตัวได้รวดเร็ว และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากขึ้นกว่ารถมาตรฐานเดิมจากโรงงาน มีน้อยคนนักที่จะคิดถึงการตกแต่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการหยุดรถให้ดีขึ้นกว่าเดิม ทั้งที่การจะทำให้รถหยุดได้อย่างปลอดภัย เป็นเรื่องสำคัญและยิ่งใหญ่มากกว่าการทำให้รถแรงและเร็วขึ้นมากก็ตาม แต่คนใช้รถยนต์ทั้งโลกกลับมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย
คนที่ขับแต่รถยนต์เก๋งนั่งหรือรถปิกอัพซึ่งไม่ได้บรรทุกของมากมาย แทบจะไม่สนใจสมรรถนะของระบบเบรกกันเลยก็ว่าได้ เพราะส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่าขีดความสามารถของระบบเบรกที่ติดตั้งมาจากโรงงานสามารถให้ความปลอดภัยได้เพียงพอ แม้ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นส่วนมากมีที่มาจากเบรก หรือมีระบบเบรกเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย คนใช้รถยนต์ก็ยังมองข้ามความสำคัญของระบบเบรกกันตลอดมา
ที่กล่าวมาทั้งหมดอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้คนขับรถยนต์เรียนรู้วิธีการใช้เบรกอย่างถูกต้องกันน้อยมาก และจะบอกว่าส่วนใหญ่ใช้เบรกกันผิดวิธีหรือผิดหลักการก็คงจะพูดได้ เช่น คนที่ขับรถยนต์เกียร์ธรรมดาส่วนใหญ่เมื่อจะเหยียบเบรก ก็จะเกิดความกลัวว่าเครื่องยนต์จะดับ จึงใช้เท้าซ้ายเหยียบแป้นคลัทช์ก่อน แล้วจึงใช้เท้าขวาซึ่งละมาจากแป้นคันเร่งไปเหยียบแป้นเบรก วิธีการอย่างนี้ถือว่าผิดหลักการใช้เบรกอย่างร้ายแรง เพราะทันทีที่เท้าซ้ายเหยียบลงไปที่แป้นคลัทช์ ความเร็วของรถจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยและหากต้องเหยียบเบรกกะทันหัน แรงดันน้ำมันเบรกที่ไปกระทำยังเบรกของรถยนต์แต่ละล้อ ซึ่งมีน้ำหนักและระยะเวลาในการทำงานต่างกัน ก็จะทำให้รถยนต์คันนั้นเกิดการลื่นไถลเสียหลัก หรือเกิดการหมุนเสียการทรงตัวขึ้นมาได้
วิธีการที่ถูกต้องคือยกเท้าขวาออกจากแป้นคันเร่งก่อน แล้วให้เครื่องยนต์และระบบเกียร์ร่วมกันทำการชะลอความเร็วแบบที่เรียกกันว่าเอนจิ้นเบรก จากนั้นจึงใช้เท้าขวาเหยียบลงไปบนแป้นเบรก เมื่อรถชะลอความเร็วลงแล้วจึงใช้เท้าซ้ายเหยียบแป้นคลัทช์เพื่อป้องกันเครื่องยนต์กระตุกดับลงไป
หรือเบรกที่มีระบบเอบีเอสซึ่งทำงานเพื่อป้องกันล้อล็อคตายขณะเบรก ทำให้ผู้ขับสามารถหักพวงมาลัยพารถหลบเลี่ยงสิ่งกีดขวางในขณะเหยียบเบรกได้ คนที่ขับรถยนต์ซึ่งติดตั้งระบบเอบีเอสมาก็ยังใช้เบรกกันไม่ถูกต้อง จนส่งผลให้ระบบเอบีเอสไม่ทำงานโดยไม่รู้ตัว เพราะนอกจากระบบเอบีเอสจะทำงานโดยมีความเร็วของรถเป็นตัวกำหนดแล้ว ยังทำงานโดยมีแรงดันน้ำมันเบรกเป็นตัวกำหนดร่วมด้วยอีกทางหนึ่ง ดังนั้นหากคนขับรถยนต์เบรกด้วยการแตะเบาๆที่แป้นเบรกหรือที่เรียกกันว่าเลียเบรก น้ำหนักเท้าที่กดลงไปก็ไม่เพียงพอที่จะสร้างแรงดันน้ำมันเบรกถึงขีดที่ระบบเอบีเอสจะทำงาน รถยนต์ที่แม้จะติดตั้งระบบเอบีเอสมาก็จะมีประสิทธิภาพการเบรกไม่ต่างไปจากรถยนต์คันที่ไม่มีระบบเอบีเอส
ที่ผมเขียนเรื่องของระบบเบรกขึ้นมาเพราะได้รับคำถามจากสุภาพสตรีที่ชื่อว่า คุณนาตยา ถามมาว่า "เบรกร้อนเกิดจากอะไร และมีความเสียหายมากหรือน้อยอย่างไร เมื่อเบรกร้อนและมีกลิ่นเหม็นไหม้ควรทำอย่างไร?" โดย คุณนาตยาบอกมาว่าได้ขับรถไปเที่ยวทางภาคเหนือในช่วงเทศกาลวันหยุดปีใหม่ ระหว่างขับลงจากเขามารู้สึกว่าได้กลิ่นเหม็นไหม้จึงจอดรถลงไปตรวจสอบ พบว่ามีควันโชยออกมาจากซอกล้อและมีกลิ่นเหม็นไหม้ คนขับรถยนต์ที่ผ่านมาบอกว่าเบรกไหม้ ให้จอดทิ้งไว้จนหมดควันและกลิ่นแล้วจึงขับลงเขาต่อไป ซึ่งหลังจากทำตามและขับกลับมาถึงกรุงเทพแล้วก็ยังไม่ได้นำรถไปตรวจสอบ เพราะทุกอย่างสามารถใช้งานได้เป็นปรกติไม่มีกลิ่นและควันเกิดขึ้นอีกเลย
เรื่องนี้ต้องบอกว่า คุณนาตยา โชคดีมากที่ไม่มีอุบัติเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นทั้งในขณะที่ขับเดินทางและเมื่อใช้งานในกรุงเทพ สาเหตุของการเกิดเบรกร้อนจนควันกรุ่นโชยขึ้นมาหรือจนกระทั่งเบรกไม่อยู่ ส่วนใหญ่เกิดจากการใช้เบรกผิดวิธี หรือใช้งานหนักเกินกว่าระบบเบรกจะรับมือไหว เช่น ขับรถลงทางลาดชันหรือลงจากภูเขาแล้วเหยียบเบรกตลอดเวลา หรือเหยียบเบรกบ่อยๆ นานๆ เกินไป หรือเหยียบเบรกแบบเลียเบรกเป็นระยะทางยาว ผ้าเบรกเมื่อเสียดสีกับจานเบรกนานๆ จึงเกิดความร้อนสูงจนทำให้ตัวผ้าเบรกไหม้ หรือทำให้ผิวหน้าของจานเบรกซึ่งเป็นโลหะเคลือบแข็งไหม้ไปด้วย หรือบางครั้งเมื่อร้อนมากๆก็ทำให้น้ำมันเบรกเดือดจนระเหยกลายเป็นไอ อาการแบบนี้คนไทยเรียกกันรวมๆว่าเบรกแตกหรือเรียกให้ดูเท่หน่อยก็บอกว่าเป็นอาการเวเปอร์ล๊อค ซึ่งทำให้เบรกไม่สามารถทำงานชะลอความเร็วของรถลงไปได้นั่นเอง
วิธีป้องกันก็คือไม่เหยียบเบรกยาวนานต่อเนื่องจนเบรกร้อน ถ้าต้องขับรถลงจากทางลาดชันหรือภูเขาสูงชันก็ใช้เครื่องยนต์และเกียร์ช่วยชะลอความเร็วที่เรียกกันว่าเอนจิ้นเบรก หรือขับรถลงจากทางลาดชันด้วยการใช้เกียร์ต่ำและใช้ความเร็วต่ำๆ อย่าใจร้อน หากเห็นว่ามีการใช้เบรกบ่อยก็ต้องจอดรถพักเพื่อให้ระบบเบรกได้คลายความร้อนออกไปก่อน
ส่วนวิธีการแก้ไขเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาแล้วก็คือ ต้องทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกใหม่ทั้งระบบ เพราะคุณสมบัติที่สำคัญของน้ำมันเบรกอย่างหนึ่งก็คือต้องทนต่อความร้อนได้สูง แต่น้ำมันเบรกเมื่อเกิดความร้อนสูงขึ้นมาและคลายตัวลงไปจนเจอกับความเย็นของอากาศภายนอก ความร้อนและเย็นดังกล่าวจะให้เกิดหยดน้ำเล็กๆขึ้นในน้ำมันเบรก ซึ่งหยดน้ำเล็กๆดังกล่าวแม้จะมีปริมาณไม่มาก แต่ก็เป็นตัวการทำให้ขีดความสามารถในการทนความร้อนของน้ำมันเบรกต่ำลงไปมากจนขาดประสิทธิภาพ
และหากถึงขั้นที่มีกลิ่นเหม็นไหม้หรือมีควันออกมาจากผ้าเบรกและจานเบรก ก็ต้องทำการถอดผ้าเบรกและจานเบรกออกมาตรวจสอบ ถ้าพบว่ามีรอยไหม้เกิดขึ้นที่ผ้าหรือที่จานเบรกก็ต้องเปลี่ยนผ้าเบรกหรือเจียรจานเบรกไปด้วย ผ้าเบรกที่มีรอยไหม้เกิดขึ้นแล้วจะผุและร่อนแยกตัวออกจากกันได้ง่ายจึงไม่ควรใช้งานต่อไปอีก รถของคุณนาตยา จึงควรรีบนำไปให้ช่างทำการตรวจและซ่อมบำรุงระบบเบรกเสียใหม่ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้เป็นอันขาด
ปัจจุบันนี้ผมเห็นวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยที่เอาคาลิบเปอร์ของดิสค์เบรกไปพ่นสีสันให้ดูสวยงามหรือให้ดูคล้ายกับยี่ห้อดังๆราคาแพงๆ โดยหารู้ไม่ว่านั่นคือการเอาเรื่องอันตรายร้ายแรงมาใส่ตัวเอง เพราะสีสันสวยงามที่เห็นในเบรกยี่ห้อดังๆนั้นเป็นสีที่ทนทานต่อความร้อนสูง ด้วยว่าผู้ผลิตรู้ดีว่าจะต้องไปอยู่กับชิ้นส่วนที่ต้องรับความร้อนสูงเกินกว่าสามสี่ร้อยองศาเซลเซียส จึงจำเป็นต้องใช้สีพิเศษคุณภาพดี แต่เมื่อวัยรุ่นเอาสีสเปรย์หรือสีทาบ้านทั่วไปมาทาหรือพ่นลงไปที่คาลิบเปอร์เบรก พอมีความร้อนสูงๆเกิดขึ้นสีดังกล่าวก็อาจจะร้อนจนติดไฟลุกลามไหม้รถขึ้นมาทั้งคันได้
อีกทั้งการเลือกลายกะทะล้อแมกซ์ก็เช่นกัน ถ้าเป็นรถที่ต้องวิ่งขึ้นทางภูเขาลาดชันมากๆ บ่อยๆ เป็นประจำ จงเลือกกะทะล้อแมกซ์ที่มีลายโปร่งๆ มากพอที่จะให้ลมเข้าไปช่วยพัดระบายความร้อนออกจากระบบเบรกได้ด้วย ให้หลีกเลี่ยงกะทะล้อที่มีลายทึบๆ ตันๆ ยากที่ลมจะพัดผ่านเอาไว้นะครับ