ไทยจ่อตลาดใหม่ค้าอวัยวะข้ามชาติ

ไทยจ่อตลาดใหม่ค้าอวัยวะข้ามชาติ

การค้าอวัยวะข้ามชาติผิดกฎหมายระหว่างกัมพูชา-ไทย น่าวิตกว่า ไทย อาจกลายเป็นตลาดใหม่ ต่อจากอินเดียและเนปาล

การลักลอบค้าไตข้ามแดนไทย-กัมพูชา กำลังสร้างความวิตกกังวลว่า จะเกิดตลาดค้าอวัยวะแห่งใหม่ เช่น กรณีของชายหนุ่มชาวกัมพูชาวัย 18 ปีคนหนึ่ง ที่มีรูปร่างผอมเก็รง และมีรอยแผลเป็นยาว 7 นิ้ว อยู่ด้านซ้ายของลำตัว ซึ่งเขาบอกว่า ขายไตเพื่อแลกกับการล้างหนี้ให้ครอบครัว แต่กลับทำให้เขาต้องพบกับความอับอาย

ชายหนุ่มผู้นี้ ขายไตของตัวเองไปในราคา 3,000 ดอลาร์ หรือประมาณ 97,000 บาท ที่ทำให้เขาย้ายจากบ้านโทรมๆ และมีเพียงห้องเดียวอยู่ชานกรุงพนมเปญ ไปยังโรงพยาบาลหรู ในศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในไทย ซึ่งการลักลอบเดินทางมาไทยของเขาเมื่อ 2 ปีก่อน กลายเป็นคดีแรกของการลักลอบค้าอวัยวะของกัมพูชา และมีนายหน้าถูกจับกุมไป 2 คน ทั้งยังก่อให้เกิดความวิตกว่า ยังจะมีเหยื่อคนอื่นๆ ที่ตรวจไม่พบอีกนับไม่ถ้วน

ชายหนุ่มคนนี้ บอกว่า เขาและพี่ชาย 2 คน ซึ่งมาจากชุมชนมุสลิมจาม ถูกเพื่อนบ้านเกลี้ยกล่อมให้ขายไตให้ชาวกัมพูชาที่มีฐานะร่ำรวย แต่ต้องฟอกไตและต้องการไตใหม่

เรื่องแบบนี้ กลายเป็นเรื่องปกติมานานแล้ว ในแหล่งชุมชนแออัดของอินเดียและเนปาล ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่า เป็นแหล่งใหญ่ในการลักลอบค้าอวัยวะมุนษย์ โดยองค์การอนามัยโลก หรือดับเบิลยูเอชโอ ประเมินว่า อวัยวะ 10,000 ชิ้น หรือ 10 %ของอวัยวะที่ถูกส่งไปปลูกถ่ายให้ผู้ป่วยทั่วโลกในแต่ละปีมาจากที่นี่ แต่ขณะเดียวกัน ก็พบว่า พวกนายหน้ามีรายได้จากการขายไตข้างละ 10,000 ดอลลาร์ หรือราว 320,000 บาท ซึ่งตำรวจ บอกว่า การลักลอบค้าไต ไม่เหมือนอาชญากรรมประเภทอื่น ถ้าผู้ที่ตกเป็นเหยื่อไม่พูด ตำรวจก็ไม่มีทางรู้

เมื่อเดือนกรกฎาคม ตำรวจกัมพูชา ได้ตั้งข้อหาหญิงวัย 29 ปีคนหนึ่ง ที่เชื่อว่าเป็นญาติของผู้ที่ขายไต และพ่อเลี้ยงวัย 40 ปี ของเธอ ในข้อหาลักลอบค้าอวัยวะมนุษย์ โดยผิดกฎหมาย และขณะนี้ทั้งคู่อยู่ระหว่างรอการพิจารณาคดี .

ประเด็นการค้ามนุษย์ ที่กำลังเป็นปัญหาลุกลามในประเทศยากจนอย่างกัมพูชา มักจะถูกโยงกับการค้าประเวณี, การบังคับแต่งงาน หรือใช้แรงงานเยี่ยงทาส แต่กรณีของเด็กหนุ่มวัย 18 ปี เป็นคดีแรก ที่ตำรวจระบุว่า เป็นการหาเงินจำนวนมากอย่างง่ายดาย ซึ่งน่าวิตก และยังมีชาวกัมพูชาอีกอย่างน้อย 2 คน ที่เดินทางไปไทยในฐานะ "ผู้บริจาค" ที่ไม่ยอมแจ้งความ

การมีส่วนร่วมกระทำผิดของผู้บริจาค ไม่ว่าจะด้วยความจนบังคับ หรือถูกข่มขู่จากนายหน้าที่ไร้ยางอาย ล้วนแล้วแต่เป็นอาชญากรรม ที่ไม่มีการแจ้งความดำเนินคดี และยากที่ตำรวจจะล่วงรู้ เมื่อเดือนสิงหาคม สื่อท้องถิ่น รายงานว่า มีคดีใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการค้าอวัยวะที่โรงพยาบาลทหารในกรุงพนมเปญ ซึ่งตำรวจระบุว่า มีการซักซ้อมกันระหว่างแพทย์จีนและกัมพูชา โดยใช้อาสาสมัครและผู้ป่วยชาวเวียดนาม แต่ก็ไม่สามารถล่วงรู้ได้อีกเช่นกันว่า มีการตกลงจ่ายเงินกันหรือไม่และอย่างไร

สำหรับเด็กหนุ่มชาวกัมพูชาที่ขายไต บอกว่า เขาเคยเล่นฟุตบอลตอนเป็นเด็ก แต่หลังจากขายไตได้ 2 ปี ก็รู้สึกอ่อนแอลง และยังคงมีหนี้สิน เขาอยากบอกคนอื่นว่าอย่าทำแบบเขา ที่ต้องมานั่งเสียใจ เพราะทำงานหนักไม่ได้อีก เพราะแค่เดินก็เหนื่อยแล้ว