กฟผ.ยันฟ้าผ่าต้นเหตุไฟดับ14จว.ใต้

กฟผ.ยันฟ้าผ่าต้นเหตุไฟดับ14จว.ใต้

กฟผ.ยันฟ้าผ่าต้นเหตุไฟดับ 14 จังหวัดภาคใต้ ขณะที่เอ็นจีโอชี้ ปั่นกระแส หวังผุดโรงไฟฟ้าถ่านหิน

วานนี้ (26 พ.ค.) ผู้บริหารการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นำคณะสื่อมวลชน ตรวจสอบข้อเท็จจริงสาเหตุที่ทำให้ไฟฟ้าดับในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ เมื่อวันที่ 21พ.ค.ที่ผ่านมา ว่าเกิดจากฟ้าฝ่าเสาและสายไฟฟ้าแรงสูง ที่บริเวณ ต.บ้านทาน อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีไฟฟ้าจอมบึง 74 กม.ที่เสาต้นที่ 200/3 โดยมีรอยที่ลูกถ้วยชัดเจน

นายธนา พุฒรังษี รองผู้ว่าการระบบส่งกฟผ.กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวจึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดเหตุไฟฟ้าขัดข้องในระบบส่งไฟฟ้าภาคใต้ ต้องใช้เวลาแก้ไขหลายชั่วโมง เนื่องจากพื้นที่ภาคใต้มีแหล่งผลิตไฟฟ้าน้อยกว่าความต้องการใช้ จำเป็นต้องใช้เวลาการจ่ายกระแสไฟฟ้าจากภาคกลาง และจำเป็นต้องเพิ่มการซื้อไฟฟ้าจากมาเลเซียมาเสริมระบบในคืนที่เกิดเหตุ นอกจากนี้ยังต้องเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าจากที่มีทั้งหมดในภาคใต้ เพื่อให้ประชาชนมีไฟฟ้าใช้โดยเร็ว

ปัจจุบันความต้องการไฟฟ้าในภาคใต้เพิ่มขึ้น 6% ต่อปี โดยเฉพาะจังหวัดชายฝั่งอันดามัน เช่น จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวมีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มถึง 15 % ของกำลังไฟฟ้าทั้งหมดในภาคใต้ ขณะที่ระบบผลิตไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ต้องพึ่งการส่งกระแสไฟฟ้าไปจากภาคกลางบางส่วน แต่ระบบส่งที่ส่งไฟฟ้าไปจากภาคกลางลงสู่ภาคใต้ มีลักษณะเป็นคอขวดตามภูมิประเทศตั้งแต่ในช่วงจ.ประจวบคีรีขันธ์ลงไป ทำให้มีความเสี่ยงต่อระบบส่งไฟฟ้าค่อนข้างสูง

ทั้งนี้ กฟผ.มีแนวทางพัฒนาโรงไฟฟ้าหลักในพื้นที่ภาคใต้ และขยายระบบส่งเพิ่มขึ้น เช่น การก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่จะนะ ชุดที่ 2 ขึ้น หนึ่งเท่าตัว ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการและจะเสร็จภายในปี 2557 และอยู่ระหว่างดำเนินการหาแหล่งผลิตโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ซึ่งต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วม รวมทั้งแผนการปรับปรุงและขยายระบบส่งให้มีความมั่นคง ลดความเสี่ยงต่อระบบไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้

ส่วนในแผนระยะกลางและระยะยาว ต้องมีการสำรวจปรับปรุงสายส่งที่ส่งไปยังภาคต่างๆทั่วประเทศให้มีความมั่นคง ส่วนสายส่งภาคไต้จะต้องเร่งรัดให้เร็วกว่าเดิม ซึ่งกฟผ.มีแผนก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพื่อรองรับการใช้ไฟที่เพิ่มขึ้น เช่น การก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่อ.จะนะ จ.สงขลา ขนาด 710 เมกะวัต โรงไฟฟ้าขนม จ.นครศรีธรรมราช และโรงไฟฟ้ากระบี่ ขนาด 800 เมกะวัต อยู่ในช่วงทำประชาพิจารณ์

นางสาวสุรีรัตน์ แต้ชูตระกูล ฝ่ายวิชาการกลุ่มอนุรักษ์ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ แกนนำคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินทับสะแก กล่าวถึงกรณีไฟฟ้าดับ 14 จังหวัดภาคใต้ว่า ที่ผ่านมาข้อมูลของกฟผ.ได้ระบุชัดเจน วันที่มีการใช้ไฟฟ้าสูงสุดหรือพีค ของภาคใต้เมื่อปี 2555 กฟผ.ได้สั่งลดกำลังผลิตโรงไฟฟ้าก๊าซที่จะนะจ.สงขลา เหลือเพียง 65% โดยผลิตไฟฟ้าป้อนระบบเพียง 247 เมกะวัตต์ จาก 710 เมกะวัตต์ เนื่องจากต้องการให้ใช้ไฟฟ้าที่เหลือจากภาคกลาง หลังจากมีปริมาณไฟฟ้าสำรองในภาคกลางเหลือใช้ และกฟผ.ต้องเปิดให้โรงไฟฟ้าไอพีพี ของเอกชนจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบก่อน เพราะตามสัญญา หากไม่ใช้ไฟฟ้ากฟผ.ก็ต้องจ่ายค่าไฟ ดังนั้นจึงต้องสั่งหยุดเดินเครื่องโรงไฟฟ้าของกฟผ.

นางสาวสุรีรัตน์ กล่าวว่าขณะนี้หลายฝ่ายมีความพยายามปั่นกระแส เพื่อเร่งให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่ภาคใต้ รวมทั้งการเปิดประมูลโรงไฟฟ้าถ่านหินของเอกชนรอบใหม่ นายกรัฐมนตรีในฐานนะประธานคณะกรรมการพลังงานชาติ ควรสั่งการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ปฏิบัติการระดับประเทศเพื่อเป้าหมายที่วัดผลได้ในการลดความต้องการใช้ไฟฟ้า เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้และผลิตพลังงาน 17,000 เมกกะวัตต์