‘สุโขทัย’ ส่อวุ่น! ผู้ป่วยโควิดปกปิดไทม์ไลน์-กักตัว 8 พยาบาล

เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายแพทย์ชุมพล นุชผ่อง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย วอนผู้ป่วยอย่าปิดบังไทม์ไลน์ตัวเอง เนื่องจากทางโรงพยาบาลคีรีมาศได้รับผู้ป่วยชาย อายุ 62 ปี เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ด้วยอาการมีไข้และกระเพาะปัสสาวะอักเสบ และได้ซักประวัติตามมาตรการป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ถึง 5 ขั้นตอนแล้วจึงรับไว้เป็นคนไข้ในและได้รับการดูแลจากพยาบาลอย่างใกล้ชิด 

จากนั้นพบว่าคนไข้อาการไม่ดีขึ้น จึงนำตัวไปเอ๊กซเรย์ปอดและตรวจหาเชื้อโควิค-19 พบผลเป็นบวก และนับเป็น รายที่ 320 ของ จ.สุโขทัย ทำให้พยาบาล 8 คนต้องกักตัวซึ่งหนึ่งในนั้นยังไม่ได้รับวัคซีนเลยเนื่องจากกำลังตั้งครรภ์ อีกทั้งผู้ป่วยอีก 4 คนที่พักรักษาตัวในห้องเดียวกันต้องถูกแยกตัวรักษา และการปิดบังไทม์ไลน์ของผู้ป่วย ทำให้การรักษาล่าช้าจนทำให้ติดในครอบครัวอีก 4 คน คนไข้รายนี้ได้ทราบว่าตนเองเป็นผู้เสี่ยงสูงจากการไปงานศพ ตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน และเข้ารับการรักษาในวันที่ 1 กรกฎาคม ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ ข้อ 3.2 ซึ่งกำลังดำเนินการส่งเรื่องตามขั้นตอนทางกฎหมายและย้ำขอให้คนไข้ให้ข้อมูลที่ชัดเจนกับทางโรงพยาบาลทุกครั้งที่เข้ารับการรักษา ขอให้คิดให้รอบคอบ ตอบตามความเป็นจริงเพื่อประโยชน์กับทุกส่วน

ด้านแพทย์หญิงวิทยาภรณ์ จิ๋วนารายณ์ นายแพทย์ชำนาญการโรงพยาบาลคีรีมาศ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ได้มีการรักษาผู้ป่วยด้วยการเจาะเลือดพบว่า มีการติดเชื้อในกระแสเลือด และผู้ป่วยต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อให้พยาบาลเข้าถึงผู้ป่วยอย่างรวดเร็วเช่น ต้องมีการดูดเสมหะ ต้องให้ยาฆ่าเชื้อ ยากระตุ้นความดัน หลังจากรักษาตัว ได้ 4 วัน พบคนไข้ปอดติดเชื้อจึงส่งตรวจคัดกรองโควิด-19 พบผลเป็นบวก จากนั้นทีมสอบสวนโรคของอำเภอคีรีมาศได้ซักถามพบว่า คนไข้ทราบก่อนเข้าโรงพยาบาลว่า ตนเองเป็นผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงสูง จากการไปร่วมงานศพ ที่ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก แต่ไม่ได้แจ้งความจริง ทำให้ผู้ป่วยเองได้รับการรักษาช้า โรงพยาบาลต้องรับผลกระทบกับเจ้าหน้าที่ต้องจำกัดการรักษาลง

ทางด้านนายแพทย์ปองพล วรปาณิ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย กล่าวว่า จากกรณีการปกปิดไทม์ไลน์นั้นใน จ.สุโขทัย ได้มีการดำเนินคดีแล้ว 2 ราย ซึ่งทาง ศบค.สุโขทัย ได้ส่งเรื่องไปตามขั้นตอนแล้วและกำลังรอการพิจารณาโทษตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ ต่อไป