การเงิน
JUBILE - ซื้อ
กำไร 2Q62 ส่องประกายส่งผลปรับเพิ่มประมาณการปี 62
ประเด็นสำคัญในการลงทุน :
- รายงานกำไร 2Q62 ที่ 66 ลบ. +37%YoY และ +26%QoQ : กำไร 2Q62 ดีกว่าที่เราคาดไว้ 20% เนื่องจากรายได้เติบโต 15%YoY สู่ 487 ลบ.โดยได้แรงหนุนจากการจัดงาน Mid-year sale และยอดขายจากสาขาปกติที่เติบโต ด้านอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นจาก 43% ใน 2Q61 สู่ 44.6% เนื่องจาก เงินบาทแข็งค่าทำให้ต้นทุนการนำเข้าลดลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายปรับตัวเพิ่มขึ้น 14 ลบ.สู่ 103 ลบ. จากค่าเช่าสาขาที่เพิ่มขึ้น ค่ากิจกรรมการตลาด Mid-year sale และสำรองผลประโยชน์พนักงาน หากพิจารณาสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้ทรงตัวที่ระดับ 21% ส่งผลให้บริษัทมีกำไร 1H62 อยู่ที่ 119 ลบ. เติบโต 26%YoY และคิดเป็น 58% ของประมาณการเราที่ 204 ลบ.
- ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 62 จาก 204 ลบ.สู่ 222 ลบ. เพิ่มขึ้น 9% : ฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 62 และปี 63 จาก 204 ลบ.และ 208 ลบ.สู่ 222 ลบ.และ 230 ลบ. เติบโต 16% และ 3%YoY เนื่องจากปรับเพิ่มรายได้จาก 1,659 ลบ.สู่ 1,701ลบ.และอัตรากำไรขั้นต้นจาก 44% สู่ 45% เนื่องจากบริษัทมีการใช้ข้อมูล Big data เข้ามาวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ตรงตามความต้องการของลูกค้าซึ่งสะท้อนออกมาในผลการดำเนินงาน 2Q62 โดยเราคาดว่าโมเมนตัมดังกล่าวยังคงมีอยู่ต่อเนื่องใน 2H62 ส่งผลให้ยอดขายใน 2H62 มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องตามยอดขาย 1H62 อีกทั้งมีงานที่ยังไม่ส่งมอบจากงาน Mid-year sales อีก 30 ลบ.ที่จะรับรู้ใน 3Q62 ล่าสุดบริษัทปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การเติบโตจากเน้นขยายสาขา สู่เน้นการเพิ่มยอดขายต่อสาขาโดยซึ่งจะทำให้อัตราการทำกำไรดีขึ้นและค่าใช้จ่ายคงที่ลดลง
- เปลี่ยนกลยุทธ์การเติบโตจากเน้นขยายสาขาสู่เน้นเพิ่มยอดขายต่อสาขา : หลังจากที่ 2Q62 สามารถสร้างยอดขายจากสาขาเดิมได้เติบโตถึง 4% (2Q61 ยอดขายต่อสาขาทรงตัว) จากการใช้ Big data เข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลและออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า บริษัทจึงเปลี่ยนกลยุทธ์จากเน้นขยายสาขาสู่การเพิ่มยอดขายต่อสาขา โดยปรับลดเป้าการเปิดสาขาใหม่จาก 5-8 สาขาในปีนี้เหลือ 1-2 สาขาอีกทั้งมีการปิดสาขา 1 สาขาใน 2Q62 ส่งผลให้ปัจจุบันมีสาขา 130 สาขา โดยบริษัทจะเน้นผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับร้านสาขาทั่วประเทศและร้านค้าเดี่ยว (Stand alone) เพิ่มขึ้น เนื่องจากการขยายสาขาต้องใช้เงินลงทุนใหม่อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายพนักงานและค่าเช่า
- คงคำแนะนำ “ซื้อ” พร้อมปรับเพิ่มราคาเหมาะสมสู่ 23.00 บาท: ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเหมาะสมด้วยวิธี PE Ratio โดยอิง Prospective P/E ที่ระดับ 18 เท่า(+1.0S.D.ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี) เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 16 เท่า เพื่อให้สะท้อนถึงการกลับมาเติบโต ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 62 ราว 1.28 บาทต่อหุ้นได้ราคาเหมาะสมที่ 23.00 บาท มีอัพไซต์ราว 30% จากราคาปัจจุบัน และคาดหวังอัตราเงินปันผล 4.5 %ต่อปี เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”
ความเสี่ยง : การขยายสาขาล่าช้ากว่าแผน
: การทำกิจกรรมการตลาดได้ผลต่ำกว่าคาด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง