ก.ล.ต.ชี้ 'เอิร์ธ' เบี้ยวหนี้กระทบน้อย

ก.ล.ต.ชี้ 'เอิร์ธ' เบี้ยวหนี้กระทบน้อย

ก.ล.ต.ชี้เอิร์ธ "เบี้ยวหนี้" กระทบน้อย

ก.ล.ต. ยังรอความชัดเจนเอิร์ธชี้แจงแผนชำระหนี้ตั๋วบีอีและหุ้นกู้ ต่อตลาดหลักทรัพย์ เผยสถาบันลงทุนเพียง 600 ล้านบาท จากวงเงินผิดนัดหนี้ 7,500 ล้านบาท มั่นใจไม่เป็นโดมิโน ขณะที่นักลงทุนเสียหายจาก กรณี ครูอ้อย พัวพันซื้อขายหุ้น เอบีซี มาร้องเรียน เพื่อดำเนินการตรวจสอบ

นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และ ตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)กล่าวว่า ก.ล.ต. ยังรอติดตามแผนชำระหนี้ของบริษัทเอ็นเนอยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) ชี้แจงตลาดหลักทรัพย์ว่า จะมีเหตุผลอย่างไร ดังนั้นพฤติกรรมที่เป็นความเสี่ยงหรือมีการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์หรือไม่นั้น ตอนนี้คงยังตอบไม่ได้

สำหรับวงเงินที่เอิร์ธออกตั๋วบีอีและหุ้นกู้จำนวนทั้งสิ้น 7,500 ล้านบาท แต่มีสถาบันลงทุนเพียง 600 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นกู้ที่ออกขายนักลงทุนไฮเน็ตเวิร์ค มูลค่าลงทุน 10-20 ล้านบาทขึ้นไป และผู้ขายส่วนใหญ่ก็มีทั้งสถาบันการเงินและบริษัทหลักทรัพย์ ที่จะต้องการอธิบายความเสี่ยง และผลตอบแทนที่สอดรับกับความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน

นายรพี มองว่า กรณีตั๋วบีอีและหุ้นกู้ ผิดนัดชำระหนี้ ก็เหมือนกับการปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์ ที่มีโอกาสเป็นหนี้เสีย ปัจจุบันมีผู้ออกหุ้นกู้และตั๋วบีอี ประมาณ 500 ราย มีการผิดนัดชำระหนี้ ไม่ถึง 10 ราย ถือเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก จึงทำให้เชื่อว่า จะไม่ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่หรือโดมิโน เพราะสาเหตุการผิดนัดบีอีและหุ้นกู้ เกิดขึ้นในคนละอุตสาหกรรมและรูปแบบแตกต่างกัน เช่นผู้ถือหุ้นทะเลาะกัน เปิดประชุมผู้ถือหุ้นไม่ได้ หรือจัดเงินไม่ทัน

ส่วนกรณีข่าว “ครูอ้อย" น.ส. ฐิตินาถ ณ พัทลุง ที่พัวพันการซื้อขายหุ้นบริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ABC จนมีข่าวว่าเกิดความเสียต่อนักลงทุนบางรายนั้น นายรพี กล่าวว่า คงยังสรุปไม่ได้ว่ามีการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมายหลักทรัพย์หรือไม่ เพราะยังไม่มีใครร้องเรียนมา โดยหากมีนักลงทุนที่ได้รับความเสียหาย หรือมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ สามารถร้องเรียนได้ โดย ก.ล.ต. จะเข้าไปตรวจสอบจากหลักฐานข้อเท็จจริงและดูว่าเกี่ยวข้องกับจำนวนคนมากน้อยแค่ไหน

ดังนั้นจะเกี่ยวข้องกับการปั่นหุ้นหรือไม่ ถ้าตลาดหลักทรัพย์ตรวจพบว่าหุ้นตัวไหนเคลื่อนไหวผิดปกติ จะรายงานมายัง ก.ล.ต.ซึ่งหลังจากนั้น ก.ล.ต.จึงเข้าไปตรวจสอบและจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้จนกระทั่งเรื่องถึงที่สุด

ด้านนายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ เอ็กซิมแบงก์ กล่าวว่า ได้ปล่อยสินเชื่อหมุนเวียนให้แก่ เอิร์ธ 10 ล้านดอลลาร์ โดยบริษัทชำระหนี้แล้วบางส่วน อย่างไรก็ดี คงต้องระงับปล่อยสินเชื่อวงเงินที่เหลือ รอแผนธุรกิจและแผนชำระหนี้ คาดว่าจะได้รับแผนใน 1-2 เดือนนี้ แม้บริษัทจะผิดนัดหนี้ก็ไม่กระทบภาพรวมบริษัทโดยมีบีไอเอสอยู่ที่ 18%