คุก12ปี 'ป๋าชื่น' คดีอ้างเบื้องสูงออกโฉนดที่ดินปากช่อง

คุก12ปี 'ป๋าชื่น' คดีอ้างเบื้องสูงออกโฉนดที่ดินปากช่อง

ศาลอาญาสั่งจำคุก12ปี "ป๋าชื่น บุญธรรม" ก๊วนพงศ์พัฒน์ คดีอ้างเบื้องสูงออกโฉนดที่ดินปากช่อง ทับซ้อนที่ทหาร-เขาสูงชัน

ที่ห้องพิจารณา 814 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมิ่นเบื้องสูง หมายเลขดำ อ.1716/2558ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา9เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายบุญธรรม หรือป๋าชื่น บุญเทพประทาน อายุ66ปี กรรมการผู้มีอำนาจ บริษัท บ้านชุมทอง จำกัด และบริษัท เขาใหญ่ เบเวอร์ลี่ฮิลล์ จำกัด เป็นจำเลย ในความผิดฐาน หมิ่นประมาท ดูหมิ่นองค์รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

ตามฟ้อง อัยการโจทก์ เมื่อวันที่ 15 พ.ค.58 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างปี2550 –ปี2551วันเวลาใด ไม่ปรากฏชัด ที่ดินบริเวณเขาหนองเชื่อม ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา มีบางส่วน มีสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชัน บางส่วนเป็นพื้นที่ทับซ้อน กับที่ดินที่ทางฝ่ายทหารที่มีหนังสือขอใช้พื้นที่อย่างเป็นทาง เมื่อปี2534และบางส่วนเป็นพื้นที่ ที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินแห่งชาติ ได้กันไว้เป็นพื้นที่ทดแทนพื้นที่ต้นน้ำ ที่ดินบริเวณดังกล่าวจึงไม่สามารถออกโฉนดที่ดินได้

ต่อมา นายบุญธรรม จำเลย ซึ่งเป็นเจ้าของ และเป็นกรรมการผู้มีอำนาจ บจก.บ้านชุมทอง และ บจก.เขาใหญ่ฯ ที่ประกอบธุรกิจจัดสรรที่ดินและค้าขายที่ดิน มีความประสงค์จะนำที่ดินบริเวณดังกล่าว มาขอ ออกโฉนดที่ดินเพื่อจัดสรรขายให้ผู้ที่ต้องการซื้อที่ดินไปปลูกบ้านพักตากอากาศในราคาสูงทำกำไรได้มาก ซึ่งนายบุญธรรม จำเลย ได้ร่วมมือกับนายเสฏฐวุฒิ หรือตั๊ก เพ็งดิษฐ์ จำเลยคดีหมายเลขดำ อ.1666/2558 ที่เป็นนายหน้าค้าที่ดิน ให้ไปดำเนินการขอ ออกโฉนดที่ดินบริเวณดังกล่าว เนื้อที่หลายร้อยไร่

โดยนายบุญธรรม จำเลย ได้พูดกับนายเสฏฐวุฒิ โดยมีถ้อยคำบางตอนที่อ้างว่า มีความสนิทสนมกับ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีต รอง ผบช.ก.และ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้า ของอดีตหม่อมศรีรัศมิ์ หากนายเสฏฐวุฒิ มีปัญหาหรืออุปสรรคขั้นตอนใดๆ ในการขอ ออกโฉนดที่ดิน ก็ให้มาบอกกล่าวกับ นายบุญธรรม จำเลย ได้ทันที ซึ่งถ้อยคำนั้น เป็นการแอบอ้าง จาบจ้วง ล่วงเกิน ที่จะทำให้เกิดความเสียหายต่อองค์รัชทายาท และต่อมายังได้พูดแอบอ้างกับ นายเสฏฐวุฒิ อีกโดยมีเจตนาชัดเจนที่ต้องการแอบอ้างรัชทายาท เพื่อให้ตนเองสมประโยชน์ เหตุเกิดที่ ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธ

โดยศาลได้ เบิกตัว นายบุญธรรม หรือป๋าชื่น มาจากเรือนจำ เพื่อฟังคำพิพากษา ขณะที่บุตรชาย และญาติสนิท เดินทางมาให้กำลังใจด้วย

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่นำสืบแล้ว เห็นว่า โจทก์ มีพนักงานสอบสวน 4 นาย ชุดพนักงานสอบสวนที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เมื่อปี 2558 มีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนกว่า 30 นาย เพื่อสืบสวนสอบสวนหลักฐานทางคดี เบิกความสอดคล้องกันถึงคำให้การของนายเสฏฐวุฒิ ผู้ต้องหา ซึ่งให้การว่าช่วงปี 2550-2551 ได้รับประสานให้รวบรวมที่ดินที่อำเภอปากช่องและได้รับเงินเดือนๆละ 20,000 บาทจากจำเลย โดยจำเลยอ้างกับนายเสฏฐวุฒิ ว่าหากมีปัญหาดำเนินการให้มาบอกเพราะรู้จักกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ซึ่งมีศักดิ์ เป็นน้า ของอดีตหม่อมศรีรัศมิ์

นอกจากนี้ ยังมีพยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ สำนักงานที่ดินปากช่อง เบิกความว่า ครั้งแรกนายเสฏฐวุฒิ มาขอ ออกโฉนดที่ดินเพื่อจะทำโรงแรมแต่เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นภูเขาสูงชัน มีความชันเกินกว่า 35 องศาและเป็นพื้นที่ทับซ้อนกับพื้นที่ทหารซึ่งไม่สามารถออกโฉนดได้ ภายหลังนายเสฏฐวุฒิ ได้ดำเนินการอีกโดยระบุว่าจะนำโฉนดที่ดินไปถวาย นอกจากนี้ยังมี นายก อบต.อีกปาก เบิกความว่าเมื่อปลายปี 2550 มีการมาขอให้พยานรับรองออกโฉนดที่ดิน โดยคำเบิกความของพยานโจทก์ดังกล่าวก็เป็นลำดับขั้นตอนและสอดคล้องกับคำให้การในชั้นสอบสวนอีกทั้งพยานดังกล่าวไม่เคยรู้จักหรือมีสาเหตุโกธรเคืองกับจำเลยมาก่อน จึงรับฟังได้ว่าคำเบิกความของพยานเป็นไปตามหน้าที่

ส่วนที่นายเสฏฐวุฒิ จำเลยอีกสำนวนหนึ่งซึ่งรับสารภาพไปก่อนหน้านี้และศาลมีคำตัดสินแล้ว มาเบิกความเป็นพยานในคดีนี้โดยอ้างว่าไม่ได้รับสารภาพโดยสมัครใจ ถูกกลั่นแกล้งและข่มขู่จากเจ้าหน้าที่ว่าจะทำร้ายครอบครัวนั้น ศาลเห็นว่าเมื่อมีการฟ้องคดีนายเสฏฐวุฒิ ศาลก็ให้โอกาสเต็มที่ในการต่อสู้คดีแต่จำเลยก็ให้คำรับสารภาพ ซึ่งได้มีคำตัดสินและคดีถึงที่สุดเมื่อไม่มีการยื่นอุทธรณ์ ขณะที่คำให้การในชั้นสอบสวนของนายเสฏฐวุฒิ ก็ได้กระทำต่อหน้าทนายความ แม้คำให้การในชั้นสอบสวนดังกล่าวจะเป็นการซัดทอดจำเลยด้วย แต่คำให้การนั้นก็ไม่ทำให้นายเสฏฐวุฒิ พ้นจากความผิดเช่นกัน อีกทั้งการสอบสวนก็ทำในรูปแบบของคณะทำงานตามคำสั่งของ ผบ.ตร. คำให้การจึงมีน้ำหนักให้รับฟังได้เพื่อพิสูจน์ว่าจำเลยมีความผิดหรือบริสุทธิ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226 ซึ่งฟังได้ว่าคำให้การของพนักงานสอบสวนนั้นได้มาโดยชอบ

สำหรับที่จำเลยสู้ว่า ถูกกลั่นแกล้ง เพราะจำเลยให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และพล.ต.ต.โกวิทย์ จำเลยในคดีหมิ่นเบื้องสูงเช่าที่เปิดบ่อนโคลอนเซ่นั้น จำเลยมีเพียงตนเองและบุตรชาย เบิกความโดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสนับสนุน

พยานหลักฐานโจทก์จึงรับฟังได้ว่าจำเลยได้รับประโยชน์ในการออกโฉนดที่ดิน ซึ่งได้มีการแอบอ้างถึงองค์รัชทายาท ที่จะทำให้ถูกดูหมิ่นและเสื่อมเสียพระเกียรติยศ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามฟ้องโจทก์

พิพากษา ให้จำคุก จำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 รวม 2 กระทงๆ ละ 8 ปี รวม 16 ปี ทางนำสืบจำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีเห็นควรลดโทษให้กระทงละ 1ใน 4 คงจำคุกจำเลย 2 กระทงๆ ละ 6 ปี รวม 12 ปี

ภายหลังฟังคำพิพากษา นายบุญธรรม หรือป๋าชื่น ก็ได้พูดคุยกับบุตรชายและญาติ ซึ่งมีการหารือว่าจำนำคำพิพากษาไปปรึกษาทีมทนายว่าจะมีการอุทธรณ์คดีต่อหรือไม่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงได้นำตัวนายบุญธรรม ไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายเสฏฐวุฒิ หรือตั๊ก เพ็งดิษฐ์ อายุ 52ปี อาชีพนายหน้าค้าที่ดิน ซึ่งเป็นน้องชายนายธาริต เพ็งดิษฐ์อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นั้น อัยการฝ่ายคดีอาญา9ได้ยื่นฟ้องเป็นจำเลยในความผิดฐานเดียวกัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112ต่อศาลอาญา เมื่อวันที่12พ.ค.58

โดยชั้นพิจารณา นายเสฏฐวุฒิ ให้การรับสารภาพ ศาลจึงมีคำพิพากษาเมื่อวันที่14พ.ค.58 ว่า นายเสฏฐวุฒิ กระทำผิดจริง ตาม ม.112ให้จำคุก5ปี คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษกึ่งหนึ่ง จึงจำคุก2ปี6เดือน