'ดาว์พงษ์'แนะศึกษาข้อดี-เสียรับเงินแปะเจี๊ยะ

'ดาว์พงษ์'แนะศึกษาข้อดี-เสียรับเงินแปะเจี๊ยะ

“ดาว์พงษ์” แนะศึกษาข้อดีข้อเสียรับเงินแปะเจี๊ยะ แจงตอบไม่ได้ว่าดีหรือไม่ดี แต่เป็นการสร้างความเหลื่อมล้ำ ยันเดินหน้าลดเวลาเรียน

พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า สมาคมเครือข่ายผู้ปกครองแห่งชาติ ได้เข้ามาพบตนเพื่อขอเสนอเรื่องการแก้ไขปัญหาการศึกษาชาติ โดยเฉพาะประเด็นที่เด็กมีภาระการเรียนและเน้นการจัดการเรียนการสอนท่องจำมากเกินไปและปรับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งทั้งสองเรื่องก็เป็นปัญหาที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กำลังแก้ไขโดยได้ประกาศนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ให้แก่เด็กอยู่แล้ว เพราะต้องการให้เด็กมีเวลาที่จะเรียนรู้ค้นคว้าความรู้ คิดวิเคราะห์ด้วยตนเอง ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในภาคเรียนที่ 2/2558 นี้ทันที ส่วนเรื่องการปรับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 นั้นเรื่องนี้ต้องใช้เวลา และคงไม่สามารถดำเนินการให้เสร็จได้ภายในวันเดียว และจำเป็นต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญจากทุกภาคส่วนมาช่วยระดมความคิดเห็น

“ผมมองว่าการปรับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานจะต้องให้เกิดความทันสมัยสอดคล้องกับทิศทางของการพัฒนาประเทศด้วย ซึ่งเวลานี้ผมให้ความสำคัญกับการเดินหน้านโยบายลดเวลาเรียนก่อน ซึ่งหากนโยบายนี้ประสบความสำเร็จก็อาจไม่มีความจำเป็นจะต้องปรับหลักสูตรก็ได้”รมว.ศึกษาธิการ กล่าว

พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนแนวทางแก้ไขปัญหาระบบเด็กฝากหรือการเรียกรับเงินแปะเจี๊ยะในโรงเรียนนั้น คงไม่สามารถบอกได้ว่าการเรียกรับเงินแปะเจี๊ยะมันดีหรือไม่ดี แต่เข้าใจว่าการเรียกรับเงินดังกล่าวมันคือการสร้างความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ดังนั้น ต้องมาดูปัญหาในเรื่องนี้กันว่าเกิดจากตรงไหน เพราะฉะนั้น ควรมีการศึกษาข้อดีข้อเสียในเรื่องนี้ เพราะการเรียกรับเงินแปะเจี๊ยะเป็นการเรียกรับเงินจากหลากหลายช่องทาง เช่น การเรียกเก็บเงินค่าบำรุงการศึกษา เป็นต้น โดยอาจจะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนว่ามีด้านดีด้านเสียจากจุดไหน และนำเอาปัญหาต่างๆเหล่านั้นมาพิจารณาให้เกิดความชัดเจน