กฟผ.ปรับแผนลงทุนสร้างโรงไฟฟ้า-สายส่ง

นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่าในปี 2558 กฟผ.คาดว่าจะเพิ่มวงเงินการลงทุนขยับขึ้นอีกเล็กน้อยมาอยู่ที่ 4.2 หมื่นล้านบาทจากเดิมที่ตั้งไว้จะอยู่ที่ 3.9 หมื่นล้านบาทเนื่องจากมีหลายโครงการที่จะเร่งให้เร็วขึ้นเพื่อรองรับกับแผนพัฒนาพลังงานทดแทนโดยเฉพาะระบบส่ง รวมถึงการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ทดแทนโรงไฟฟ้าเก่าที่หมดอายุ 

เงินลงทุน 1 หมื่นล้านบาทมาจากการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานหรืออินฟราสตรัคเจอร์ฟันด์

“ครม.ได้อนุมัติให้กฟผ.ตั้งอินฟราสตรัคเจอร์ฟันด์เมื่อ 2 ธ.ค.2557 โดยให้นำโรงไฟฟ้าพระนครเหนือที่มีรายได้แน่นอนมาจัดตั้งวงเงิน 2 หมื่นล้านบาท ก็จะรอให้คลังเสนอครม.อนุมัติดำเนินการในรายละเอียดอีกครั้ง จากนั้นจะเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พิจารณาเพื่อทำการขายหน่วยลงทุนได้ราวเดือน เม.ย. 2558 นี้ โดยวงเงิน 1 หมื่นล้านบาทจะนำมาลงทุนปีนี้และอีก 1 หมื่นล้านบาทจะนำไว้ใช้ลงทุนปี 2559 “ นายสุนชัย กล่าว

นายสุนชัย กล่าวว่าในปี 2558 กฟผ.จะเน้นปรับปรุงโรงไฟฟ้าเก่าที่หมดอายุให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยการสร้างขึ้นใหม่มาทดแทนโดยเฉพาะในเขตรอบนอกกรุงเทพฯ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพระนครใต้ และโรงไฟฟ้าบางปะกง รวมถึงระบบส่งรองรับให้เร็วขึ้นจากแผน เพื่อที่จะดูแลความมั่นคงด้านไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลที่การใช้ไฟฟ้าที่สูง

ส่วนกรณีการเจรจาเลื่อนการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ (ไอพีพี) และรายเล็ก (เอสพีพี) นั้นทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการ (เรคกูเลเตอร์)กำลังพิจารณา เนื่องจากแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (พีดีพี) เดิมนั้นมีการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนทำให้พีดีพีฉบับใหม่ที่กำลังจัดทำมีพลังงานทดแทนที่สามารถพึ่งได้มีกำลังผลิตเพิ่มขึ้น 34% จากเดิม 25% โดยแบ่งเป็นรับซื้อไฟจากเอสพีพี 3,500 เมกะวัตต์ตั้งแต่ปี 2553 และจะทยอยเข้าระบบปี 2559 และยังมีการซื้อไฟจากไอพีพีรอบที่ผ่านมาอีก 5,000 เมกะวัตต์ ซึ่งทั้งสองส่วนนี้ถือเป็นไฟส่วนเกินที่เกิดขึ้นเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทยชะลอตัว

“กฟผ.พยายามที่จะเกลี่ยการซื้อไฟให้เข้าระบบในอัตราที่เหมาะสมในแต่ละปี การเลื่อนซื้อไฟหากมีสัญญาซื้อขายไฟแล้วกับเอกชน ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก เราก็ต้องมาดูในส่วนของกฟผ.เองด้วยว่าจะเลื่อนอะไรได้บ้าง ที่เห็นขณะนี้ก็มีโรงไฟฟ้าวังน้อยหน่วยที่ 1-2 ส่วนกรณีโรงไฟฟ้าถ่านหินที่อ.เทพา จ.สงขลานั้นคงไม่จำเป็นต้องเลื่อนเพราะตามแผนฯก็อยู่ถึงปี 2564 ยังอีกนาน" นายสุนชัยกล่าว

ส่วนกรณีที่ผู้ผลิตก๊าซฯแหล่งเยตะกุน ประเทศเมียนมาร์ได้ทำหนังสือถึงบมจ.ปตท.เพื่อปรับลดปริมาณก๊าซฯส่งมอบตามสัญญาลงจาก 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันเหลือ 250 ล้านลบ.ฟุตต่อวันเนื่องจากไม่สามารถเพิ่มระดับการผลิตก๊าซฯได้ตามสัญญา โดยคาดว่าจะทยอยลดลงตั้งแต่ช่วงพ.ค. 2558 เป็นต้นไปราว 100 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน หรือคิดเป็นกำลังผลิตไฟฟ้าประมาณ 500-600 เมกะวัตต์ จะไม่กระทบต่อความมั่นคงการผลิตไฟฟ้าของไทยในระยะยาวเนื่องจากจะมีแหล่งก๊าซจากซอติก้าเข้ามาเสริม รวมถึงการซื้อไฟจากโรงไฟฟ้าถ่านหินลิกไนต์ หงสา (สปป.ลาว) จะเริ่มเข้าระบบในช่วงกลางมิ.ย.2558