รายใหญ่ฟันกำไรหุ้นพีพีเท่าตัว

รายใหญ่ฟันกำไรหุ้นพีพีเท่าตัว

สำรวจกลุ่มรายใหญ่ที่รับซื้อหุ้นเพิ่มทุนพีพีครึ่งปีแรก18บริษัทพบรับกำไรจากราคาหุ้นเพิ่มทุนกว่าเท่าตัว

สำรวจกลุ่มรายใหญ่ที่รับซื้อหุ้นเพิ่มทุนพีพีครึ่งปีแรก 18 บริษัท พบรับกำไรจากราคาหุ้นเพิ่มทุนกว่าเท่าตัว โดยเฉพาะกลุ่มสิงห์ พร็อพเพอร์ตี้ รับส่วนต่างหุ้นบริษัท รสา พร็อพเพอร์ตี้มากกว่า 250% แม้ยังไม่มีการปรับโครงสร้างธุรกิจ ขณะที่ไชน่า โมบาย รับกำไรหุ้นพีพี บริษัททรูแล้วกว่า 70% นักวิเคราะห์ระบุตลาดคึกคักหนุนราคาวิ่งสูงเกิน สวนทางแผนร่วมธุรกิจยังไม่เกิดขึ้น ด้าน“วิชัย วชิรพงศ์” สบจังหวะราคาหุ้นวิ่งฉิวขายหุ้นทีดับบลิวแซดหลังหุ้นเพิ่มทุนเข้าเทรดไม่ถึงสัปดาห์

จากการสำรวจบริษัทที่เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (พีพี) ของบริษัทจดทะเบียนในครึ่งแรกปี 2557 ประมาณ 18 บริษัท พบว่ามูลค่าหุ้นของบริษัทภายหลังจากการที่มีการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับพันธมิตรทางธุรกิจปรับเพิ่มขึ้นถ้วนหน้า โดยบริษัทที่มูลค่าหุ้นปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ บริษัท รสา พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (RASA) ส่งผลให้กลุ่มทุนใหม่ที่รับซื้อหุ้นพีพี คือกลุ่มสิงห์ พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ ได้รับกำไรไปแล้ว 258% โดยกลุ่มสิงห์ ได้เข้ามาซื้อหุ้นพีพีของบริษัท รสา พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำนวน 2,932.40 ล้านหุ้น ราคาพีพี 1.87 บาท ส่วนราคาหุ้น ณ เดือนก.ค.2557 อยู่ที่ 6.70 บาท

ล่าสุดมีกระแสข่าวลือว่า นายนริศ เชยกลิ่น อดีตผู้บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) จะย้ายไปเป็นกรรมการผู้จัดการของ RASA ในเดือนสิงหาคมนี้ รวมถึงบริษัทเตรียมจะปรับโครงสร้างบริษัท ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น สิงห์ เอสเตทและเตรียมนำสินทรัพย์ขายเข้ากองทรัสต์เพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT)

นักวิเคราะห์ บล.คันทรี่กรุ๊ป กล่าวว่าราคาหุ้นบริษัท รสา พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ ปรับตัวขึ้นมาแรงต่อเนื่อง จนสัญญาณทางเทคนิคเข้าเขตซื้อมากเกินไป (Overbought) ดังนั้นการลงทุนในช่วงนี้ควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยกลยุทธ์แนะนำ เก็งกำไรแบบระมัดระวัง

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ได้เสนอขายหุ้นพีพี ให้กับบริษัท ไชน่า โมบาย อินเตอร์เนชั่นแนล (China Mobile International Holdings Limited) จำนวน 4,429.43 ล้นหุ้น ในราคาพีพี 6.45 บาท ขณะที่ราคาหุ้นบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ณ เดือนก.ค. อยู่ที่ 11.10 บาท ส่งผลให้บริษัท ไชน่า โมบาย อินเตอร์เนชั่นแนล มีกำไรจากการเข้าถือหุ้น 72.09%

นักวิเคราะห์ บล.เคเคเทรด กล่าวว่า มูลค่าเหมาะสมบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ก่อนเพิ่มทุน 7.20 บาท ทั้งนี้การระดมทุนผ่านการเพิ่มทุนจะทำให้ต้นทุนเฉลี่ยของเงินทุในประมาณการของฝ่ายวิเคราะห์เพิ่มเป็น 11% จากเดิม 10% และมีมูลค่าเหมาะสมหลังเพิ่มทุน 6.90 บาท แม้การเพิ่มทุนแบบพีพีจะไม่เหนือความคาดหมาย แต่ผิดหวังกับการเพิ่มทุนแบบจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิม(RO )มองว่าราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยพื้นฐานหลังเพิ่มทุนแล้ว

นอกจากนี้ บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก (SUPER) ซึ่งเสนอขายหุ้นพีพี จำนวน 704 ล้านหุ้น ที่ราคา 1.29 บาทต่อหุ้น ให้กับนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจงจำนวนหลายราย ขณะที่ราคาหุ้น ณ เดือนก.ค. อยู่ที่ 9.60 บาท ส่งผลให้กลุ่มทุนใหม่ที่เข้าลงทุนในหุ้นบริษัท ซุปเปอร์บล๊อก ได้รับกำไร 644.19% ส่วนบริษัท พีเออี (ประเทศไทย) (PAE) เพิ่มทุนให้กับนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง จำนวน 350 ล้านหุ้น ที่ราคา 0.6 บาท ขณะที่ราคาหุ้นในเดือนก.ค. อยู่ที่ 1.01 บาท ทำให้นักลงทุนที่ได้รับหุ้นพีพี มีกำไร 68.33%

บริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น รายงานว่า ได้จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง 2,000 ล้านหุ้น ที่ราคา 0.353 บาท ให้กับนักลงทุน 7 ราย คือ นายวิชัย ทองแตง ได้รับการจัดสรรหุ้น 510 ล้านหุ้น, นายวิชัย วชิรพงศ์ ได้รับการจัดสรรหุ้น 360 ล้านหุ้น, นายสิปปกร ขาวสอาด ได้รับการจัดสรรหุ้น 340 ล้านหุ้น, นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ ได้รับการจัดสรรหุ้น 260 ล้านหุ้น, นางสาวกนานุช เล็กวิจิตร ได้รับการจัดสรรหุ้น 250 ล้านหุ้น และนายอำนาจ วงศ์สุวรรณ ได้รับการจัดสรรหุ้น 100 ล้านหุ้น

ทั้งนี้ ราคาหุ้นบริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น ณ เดือนก.ค. 2557อยู่ที่ 058 บาท ทำให้นักลงทุนที่ได้รับการจัดสรรหุ้น มีกำไร 64.3%

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้รับแบบรายงานการได้มา/จำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 246-2) รายงานการจำหน่ายหุ้นบริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น ) โดยนายวิชัย วชิรพงศ์ หรือ เสี่ยยักษ์ ซึ่งเป็นการจำหน่าย เมื่อวันที่ 10 ก.ค.2557 จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายคิดเป็น 8.24% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายคิดเป็น 0.0% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ทั้งนี้ นายวิชัยได้ขายหุ้นในราคาหุ้นละ 0.40 บาท คิดเป็นมูลค่า 144 ล้านบาท ส่วนต้นทุนอยู่ที่ 127.08 ล้านบาท คิดเป็นกำไร 16.92 ล้านบาท