'อิสระ'จี้รัฐบาลดูแลค่าเงินให้มีเสถียรภาพ

นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล ประธานอาวุโส หอการค้าไทย เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (28 มี.ค.) หอการค้าไทยได้จัดประชุมสามัญสมาชิก ครั้งที่ 47 โดยที่ประชุมมีมติคัดเลือกคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ทั้งหมด 76 คน โดยกรรมการทั้งหมดมีมติเป็นเอกฉันท์เลือกนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการกลุ่มน้ำตาลมิตรผล เป็นประธานกรรมการหอการค้าไทย และนายกลินท์สารสิน กรรมการผู้จัดการ เอสซีจี เทรดดิ้ง จำกัด เป็นกรรมการเลขาธิการ

นายอิสระ กล่าวว่า กรรมการชุดใหม่จะสานต่อนโยบายจากกรรมการชุดก่อน พร้อมทั้งกำหนด 5 พันธกิจสำหรับขับเคลื่อนองค์กร ได้แก่ 1.การสร้างสมองค์ความรู้และแบ่งปันสู่ทุกภาคส่วนอย่างเป็นระบบ 2.การพัฒนา เพิ่มพูนทักษะในการแข่งขันของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) 3.การพัฒนาเครือข่ายและความร่วมมือกับภาครัฐ เอกชน ในทุกระดับเพื่อการพัฒนาธุรกิจทุกภาคส่วน 4.การเสริมสร้างธรรมาภิบาล และความรับผิดชอบในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และ 5.การพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพและมีภาพลักษณ์ที่ดีต่อสังคม

สำหรับการแข็งค่าของเงินบาทนั้น เห็นว่าต้องประเมินผลกระทบจากสมาชิกก่อนที่จะรวบรวมผลกระทบ และข้อเสนอแนะเสนอต่อรัฐบาล แต่ในส่วนของภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลเข้ามาดูแลไม่ให้ค่าเงินบาทขึ้นลงมากจนเกินไป และให้เคลื่อนไหวเกาะกลุ่มกับค่าเงินในภูมิภาค ซึ่งเร็วๆ นี้จะมีการหารือกับสมาชิกเพื่อรวบรวมผลกระทบต่อไป

"เราต้องการสัญญาณจากรัฐบาลเช่นกันว่า ค่าเงินบาทจะอยู่ในช่วงไหน เพราะเงินบาทที่แข็งค่า มีทั้งได้เปรียบและเสียเปรียบ ซึ่งเอกชนต้องการแค่ว่าจะอ่อนหรือแข็ง แต่ต้องมีเสถียรภาพ " นายอิสระกล่าว

ส่วนการกู้เงินเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาลนั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการนำเสนอร่าง พ.ร.บ.ต่อสภาผู้แทนราษฎร อย่างไรก็ตามรัฐควรศึกษา และจัดทำรายละเอียดการใช้เงิน รวมถึงการจัดอันดับความสำคัญของการลงทุน เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้และรัฐบาลเริ่มกู้เงิน ทางหอการค้าต้องการเห็นความโปร่งใสในการใช้เงินลงทุนสูงสุดด้วย เพราะขณะนี้ ยังไม่เห็นความชัดเจนว่าเป็นการกู้ทั้งหมด ร่วมทุน หรือลงทุนโครงการใดก่อนหลัง อย่างไรก็ตามองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน กำลังติดตาม และตรวจสอบ ขณะเดียวกันหอการค้าไทยเองก็มีทีมงานด้านโลจิสติกส์ และทีมด้านการเงินที่จะตรวจสอบอีกทางหนึ่งเช่นเดียวกัน