ชาวนาลงทุนเจาะบาดาล สูบน้ำใส่นาข้าวสู้ภัยแล้ง

ชาวนาลงทุนเจาะบาดาล สูบน้ำใส่นาข้าวสู้ภัยแล้ง

ชาวนานครพนมกำลังจะเก็บเกี่ยวข้าว ลงทุนเจาะน้ำบาดาลเอง เพื่อสูบน้ำรดให้ความชุ่มชื้น เพื่อยืดอายุนาข้าว ให้ได้เก็บเกี่ยว

สถานการณ์ภัยแล้งส่อวิกฤติรุนแรงขยายวงกว้าง หลังฝนทิ้งช่วงมาเดือนกว่า ทำให้ปริมาณน้ำตามอ่างเก็บน้ำต่างๆ แห้งขอดส่งผลกระทบพื้นที่นา ที่ชาวบ้านรอเก็บเกี่ยว เริ่มขาดน้ำเหี่ยวแห้ง เมล็ดข้าวลีบ บางต้นยืนต้นตาย โดยเฉพาะพื้นที่ บ้านนางัว หมู่1,2ต.นางัว อ.นาหว้า จ.นครพนม พื้นที่นาทั้งหมดกว่า110,000ไร่ คาดเสียหายพื้นที่3,000–4,000ไร่ กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากปัญหาฝนทิ้งช่วง ซึ่งพื้นที่นากำลังออกรวง ชาวบ้านรอเก็บเกี่ยวแต่ขาดน้ำ ทำให้ ต้นข้าวลำต้นแห้งกรอบ เมล็ดรีบ บางต้นยืนต้นตาย เพราะขาดน้ำ

นายสงวน วะเศษสร้อย อายุ 44 ปี กล่าวว่า ทำนา20ไร่ ฝนทิ้งช่วงนานกว่า2เดือน นาข้าวที่กำลังรอเก็บเกี่ยว ต้นข้าวแห้ง กรอบ เมล็ดข้าวลีบ ยืนต้นตายเกือบทั้งหมด จึงเสียดายได้แต่ปล่อยให้วัวลงไปกินข้าว อีกส่วนที่ยังพอจะเก็บเกี่ยวได้ต้องสูบน้ำบาดาลต่อท่อยาวกว่า100เมตร ใช้น้ำมันวันละ100-200บาท วันละ8-10ชั่วโมง นานกว่า1เดือน รดน้ำให้ความชุ่มชื่น เพื่อประทังต้นข้าวที่ออกรวงหวังจะได้เก็บเกี่ยวไว้กินหลังหมดฤดูทำนา

นายคำเพอ นาโควงค์ อายุ59ปี ประธานบ้านนางัว หมู่ที่ 2กล่าวว่า ตนทำนา20ไร่ ซึ่งเป็นความหวังของครอบครัวเพื่อจะได้ข้าวเก็บไว้กินหลังฤดูทำนา ตนจึงลงทุนเจาะน้ำบาดาลไว้ใกล้ที่นา2บ่อ ลงทุนไป กว่า20,000บาท พร้อมต่อท่อสูบน้ำใส่ต้นข้าวที่กำลังออกรวง ต่อสายยางยาวกว่า200 เมตร เข้ารดที่นา เพื่อยืดอายุต้นข้าวที่กำลังออกรวงรอจะเก็บเกี่ยว วันละ10-12ชม. ทำมากว่า1เดือน วันเสียค่าน้ำมัน วันละ100บาทโดยต่อเข้ากับรถไถนา หวั่นเกรงจะไม่ได้ข้าวในปีนี้

จังหวัดนครพนม ได้ประสานหน่วยงานเกี่ยวข้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ลงพื้นที่ตรวจสอบหาทางช่วยเหลือเร่งด่วน ซึ่งคาดว่าปีนี้จะมีพื้นที่การเกษตรนาข้าว ได้รับผลกระทบจำนวนมาก และเสียหายอย่างหนัก เนื่องจากฝนหมดเร็วกว่าทุกปี ซึ่งทางจังหวัดนครพนม ได้ประกาศเตือนให้เกษตรกร งดทำการเกษตร และปลูกข้าว นอกเขตชลประทาน หันมาปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยแทน