Longevity ต้องเป็นนโยบายสาธารณะ ที่ทุกคนต้องเข้าถึงได้

ในยุคที่การมีสุขภาพดีและอายุยืนยาว (Longevity) กลายเป็นเทรนด์ที่ได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการนอน, การออกกำลังกาย, อาหาร, และการจัดการความเครียด
KEY
POINTS
- Longevity คือ การมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพ แข็งแรง กระฉับกระเฉง และเต็มไปด้วยความหมายการมี“อายุยืนแบบสุขภาพดีทั้งกายและใจ”จนวาระสุดท้ายของชีวิต
- ชุมชนสามารถสร้าง “Public Good แบบบ้านๆ” ได้เอง เช่น จัดทำเส้นทางเดิน-วิ่งในชุมชน, จุดยืมดัมบ์เบลสาธารณะ การทำให้ Longevity เป็นเรื่องของทุกคน
- หัวใจของ Longevity และ Healthspan อยู่ที่ตัวเราเอง การจะมีชีวิตยืนยาวและมีความสุขไม่มีสูตรลัดมหัศจรรย์ แต่คือการเลือกดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอในทุก ๆ วันทั้งกายและใจ
ในยุคที่การมีสุขภาพดีและอายุยืนยาว (Longevity) กลายเป็นเทรนด์ที่ได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการนอน, การออกกำลังกาย, อาหาร, และการจัดการความเครียด ซึ่งทุกคนสามารถทำได้ และเป็นพื้นฐานสำคัญของสุขภาพที่ยั่งยืน มีการเสนอว่าLongevity ของคนไทยที่ยั่งยืนควรจะเป็น“วาระแห่งชาติ”ที่ทุกคนมีโอกาสได้เข้าถึงอย่างถ้วนหน้า
จะเป็นเรื่องที่ดีหากรัฐบาลเข้ามามีบทบาทในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพ เช่น การทำให้อาหารดีมีราคาถูกลง หรือสร้างพื้นที่สาธารณะที่ปลอดภัยสำหรับการออกกำลังกาย จะเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับ “ฐานสุขภาพ” ของคนในสังคมให้สูงขึ้นพร้อมกันทุกคน เพื่อให้คนไทยสามารถมีอายุยืนยาวและมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างแท้จริง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
เมดพาร์คเปิดคลินิก Longevity รับสูงวัย 'สตรอง-พึ่งตนเอง-ชีวิตมีคุณค่า'
Longevity คืออะไร? ทำไมเราควรใส่ใจเรื่องอายุยืนตั้งแต่วันนี้
สช.ชง‘ฟิตเนสคนละครึ่ง’ลด NCDs
เมื่อเร็วๆนี้สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ได้มีแนวคิดการสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) โดยมุ่งเน้นการลดน้ำหนักควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย ได้เสนอให้นำกลไกจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจมาปรับใช้เพื่อส่งเสริมการออกกำลังกาย เช่น โครงการคนละครึ่ง รัฐอาจสนับสนุนค่าสมาชิกฟิตเนสหรือกิจกรรมออกกำลังกายอื่นๆ เพื่อจูงใจให้ประชาชนหันมาออกกำลังกายมากขึ้น คล้ายกับที่บางบริษัทเอกชนดำเนินการอยู่ รวมทั้ง ปรับใช้แนวคิดของ “หวยเกษียณ” โดยให้ประชาชนสะสม “แคลอรีเครดิต” จากการเดินหรือออกกำลังกาย แล้วนำมาลุ้นรางวัล เพื่อสร้างแรงจูงใจในการทำกิจกรรมทางกายภาพ
รวมทั้งแนวคิดให้กรุงเทพมหานคร ใช้กลไกภาษีที่ดินเพื่อกระตุ้นให้ภาคเอกชนนำที่ดินรกร้างมาให้ กทม. จัดทำเป็น “สวน 15 นาที” ซึ่งเป็นการปรับสภาพแวดล้อมเพื่อส่งเสริมกิจกรรมทางกาย รวมทั้งนำเครื่องมือ Calories Credit Challenge (CCC) ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามาใช้ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนออกกำลังกาย พร้อมทั้งพัฒนา Big Data และระบบการกำกับ ติดตาม ประเมินผล ถือเป็นส่วนสำคัญที่ต้องทำควบคู่กันไป เพื่อให้สามารถวัดผลการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนได้อย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม
สิงคโปร์โมเดลสุขภาพดีออกแบบได้
ทั้งนี้ เพื่อทำให้ Longevity (การมีอายุยืนอย่างมีคุณภาพ) เข้าถึงได้สำหรับทุกคน ภาครัฐจะต้องเข้ามามีบทบาทเชิงรุกในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพที่ดีของประชาชนทั้งประเทศ ดังตัวอย่างจากสิงคโปร์สร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมสุขภาพ รัฐควรลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สวนสาธารณะ, ทางเดิน-วิ่งที่ปลอดภัย, และพื้นที่ออกกำลังกายสาธารณะที่เข้าถึงง่ายและไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสออกกำลังกายได้อย่างสม่ำเสมอ
ควบคุมและให้ข้อมูลด้านโภชนาการ ออกมาตรการเชิงนโยบายเพื่อส่งเสริมการบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น การบังคับใช้ฉลากโภชนาการที่ชัดเจน (Nutri-Grade labelling) เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจเลือกได้ง่ายขึ้น หรืออุดหนุนร้านค้าให้ใช้วัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพ
ระบบ Healthcare เชิงป้องกัน พัฒนาระบบสาธารณสุขให้มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันมากกว่าการรักษาเมื่อป่วย โดยมีแพทย์ครอบครัวคอยดูแลอย่างต่อเนื่อง การตรวจสุขภาพเชิงลึกที่เข้าถึงได้ และการวางแผนดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคลตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้ทุกคนมีพื้นฐานสุขภาพที่ดีโดยไม่ต้องจ่ายแพง การกระจายโอกาสสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงความรู้และเทคโนโลยีทางการแพทย์
ปรับ Mindset และเน้นพื้นฐานที่สำคัญ
การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับ Longevity ที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือการให้ความสำคัญกับ “เสาหลัก 4 ประการ” ที่ไม่ต้องใช้เงินมาก ได้แก่การนอนหลับ เข้านอน-ตื่นให้เป็นเวลา นอนให้ได้อย่างน้อย 7 ชั่วโมง อาหาร เน้นอาหารจากธรรมชาติ ลดอาหารแปรรูป ลดน้ำตาลและเนื้อสัตว์ การออกกำลังกาย ไม่จำเป็นต้องเข้ายิมแพงๆ การเดินเร็ววันละ 30 นาที, การออกกำลังกายด้วยบอดี้เวทที่บ้าน ก็เพียงพอแล้ว สุขภาพจิต จัดการความเครียด, อยู่ในสังคมที่ไม่ Toxic, มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง ใช้ตัวเลขจากอุปกรณ์วัดค่าสุขภาพเป็น “กระจกสะท้อน” เพื่อทำความเข้าใจร่างกายและปรับพฤติกรรมของตนเอง ไม่ใช่ใช้เพื่อเปรียบเทียบหรือกดดันตัวเองจนเกิดความเครียด
สร้าง “Micro-Policy” ระดับชุมชน-องค์กร
ระหว่างที่รอการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายระดับชาติ ภาคส่วนอื่นๆ ก็สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ ระดับองค์กร บริษัทสามารถริเริ่มโครงการส่งเสริมสุขภาพพนักงาน เช่น จัดคลาสออกกำลังกายฟรี หรือมีเมนูอาหารเพื่อสุขภาพในราคาเข้าถึงง่าย ระดับชุมชน ชุมชนสามารถสร้าง “Public Good แบบบ้านๆ” ได้เอง เช่น จัดทำเส้นทางเดิน-วิ่งในชุมชน, จุดยืมดัมบ์เบลสาธารณะ หรือจัดกิจกรรมให้ความรู้ด้านโภชนาการการทำให้ Longevity เป็นเรื่องของทุกคน จึงต้องเป็นการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
ชีวิตยืนยาวอย่างมีความหมายเริ่มที่ตัวเรา
นพ.ตนุพล วิรุฬหการุญ ประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก และ บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ”ว่า ปัจจุบันคนทั่วโลกมีอายุขัยเฉลี่ยประมาณ 71.4 ปีเป็นช่วงที่สุขภาพดีเพียงประมาณ 61.9 ปี ประเทศไทยอายุขัยเฉลี่ยจะสูงราว 77 ปี แต่ช่วงชีวิตที่มีสุขภาพดีเฉลี่ยเพียงประมาณ 67 ปี มีช่วง “ป่วยก่อนตาย” ราว 10 ปี
โจทย์สำคัญของยุคนี้คือทำอย่างไรให้อยู่ดีมีสุขได้ยืนยาวที่สุด หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือการเพิ่ม Healthspan ให้เข้าใกล้ Lifespan มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้น Longevity คือการมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพ แข็งแรง กระฉับกระเฉง และเต็มไปด้วยความหมาย การมี“อายุยืนแบบสุขภาพดีทั้งกายและใจ”จนวาระสุดท้ายของชีวิต การที่ตัวเลข Lifespan และ Healthspan เท่ากันหมายถึงการจากโลกไปอย่างสงบ สุขภาพยังดีจวบจนวินาทีสุดท้าย
“การจะมีสุขภาพดีถึงวันสุดท้ายนั้น จำเป็นต้องอาศัยทั้งความรู้ทางวิทยาศาสตร์และวินัยในตัวเราเองด้วย. ทั้งมิติทางกาย มิติทางใจ รวมถึงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ใหม่ ๆ ที่ช่วยสนับสนุนให้เราออกแบบการดูแลสุขภาพตนเองได้ดียิ่งขึ้น”
อาหาร-ออกกำลังกายชะลอความแก่เซลล์
นพ.ตนุพล อธิบายว่า อาหาร คือยาวิเศษ สิ่งที่รับประทานเข้าไปในแต่ละวัน ส่งผลต่ออายุขัยและคุณภาพชีวิตโดยตรง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการมีสุขภาพดีในระยะยาว รวมทั้งการออกกำลังกายสม่ำเสมอ เปรียบเสมือนยาอายุวัฒนะที่หาได้ง่ายที่สุด เมื่อร่างกายได้ขยับและหัวใจได้สูบฉีด จะรักษามวลกล้ามเนื้อ กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและการเผาผลาญ การออกกำลังยังเป็นการลดความเครียดที่มีประสิทธิภาพ การศึกษาพบว่าพฤติกรรมออกกำลังกายส่งผลระดับพันธุกรรมได้ ผ่านกลไก Epigenetics ทำให้ร่างกายเอ่อนเยาว์กว่าวัย เปรียบเสมือนการชะลอความแก่ในระดับเซลล์
นอนหลับให้เพียงพอ การนอนคือช่วงเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมฟื้นฟูตัวเอง ผู้ที่มีสุขภาพดีมักให้ความสำคัญกับการนอนและวินัยเข้านอน-ตื่นนอนตาม“นาฬิกาชีวภาพ”ของร่างกายเป็นประจำ พบว่าคนที่สุขภาพกายใจดีจะสามารถนอนหลับลึก (deep sleep) ได้ราว1.5-2 ชั่วโมงจากการนอน 8 ชั่วโมงทุกคืน น ซึ่งทางการแพทย์ยืนยันว่าการนอนดีส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน การทำงานของสมอง และอายุขัยโดยรวม
สุขภาพใจที่ดีคืออีกขาของการมีชีวิตยืนยาวอย่างมีคุณภาพ คนที่มองโลกในแง่ดี มีสติรู้เท่าทันอารมณ์ และจัดการความเครียดได้ดีมักแก่ช้ากว่า“ความเครียด”เป็นศัตรูตัวฉกาจของทั้งสุขภาพใจและกาย
ในภาวะเครียดเรื้อรัง ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียด (เช่น คอร์ติซอล) ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความดันโลหิตสูง ภูมิต้านทานต่ำลง และเร่งการอักเสบระดับเซลล์ ส่งผลให้อวัยวะต่าง ๆ เสื่อมไวขึ้น นักวิทยาศาสตร์ยังพบด้วยว่าความเครียดยังสัมพันธ์กับการหดสั้นลงของเทโลเมียร์ (Telomere)ซึ่งเป็นปลอกหุ้มปลายโครโมโซมที่ทำหน้าที่ปกป้องเซลล์จากความเสื่อม (การค้นพบนี้เองที่ได้รับรางวัลโนเบลด้วย)
วิทยาศาสตร์ Longevity เสริมพลังอายุวัฒนะ
ขณะเดียวกันการค้นพบวิทยาศาสตร์การแพทย์เกี่ยวข้องกับการชะลอวัยและเสริมสุขภาพ เช่น,การตรวจสุขภาพเชิงลึกสมัยใหม่หลายแห่งในไทยที่นำหลัก Epigenetics มาประเมิน“อายุชีวภาพ”ควบคู่กับอายุจริง พร้อมทั้งวิเคราะห์ว่าการใช้ชีวิตส่งผลให้ร่างกายแก่เกินวัยหรืออ่อนกว่าวัยเพียงใด และระบบต่าง ๆ ของร่างกายเสื่อมไปมากน้อยแค่ไหน เพื่อจะได้วางแผนปรับพฤติกรรมเฉพาะบุคคลให้เหมาะสม
รวมทั้งปัญญาประดิษฐ์ (AI)และ Big Data ปัจจุบันโรงพยาบาลและคลินิกด้าน Wellness ชั้นนำของไทยเริ่มใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพมหาศาลของคนไข้ ไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรม,ผลตรวจเลือด,รูปแบบการนอน,ข้อมูลโภชนาการ,ข้อมูลไมโครไบโอมฯลฯ เพื่อประเมินความเสี่ยงโรคและอายุชีวภาพอย่างแม่นยำขึ้น และให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองที่จำเพาะบุคคลมากขึ้น เป็นเสมือน“ผู้ช่วยส่วนตัวเพื่ออายุยืน”วางแผนการดูแลสุขภาพเชิงรุกให้ผู้คนก่อนจะป่วยจริง ๆ ได้อย่างแม่นยำ
ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวไกลเพียงใด หัวใจของ Longevity และ Healthspan ก็ยังอยู่ที่ตัวเรานี่เอง การจะมีชีวิตยืนยาวและมีความสุขนั้นไม่มีสูตรลัดมหัศจรรย์ แต่คือการเลือกดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอในทุก ๆ วันทั้งกายและใจ ดังคำกล่าวที่ว่า“การดูแลสุขภาพวัดกันเป็นรายวันไม่ใช่โหมใช้ชีวิตหนักๆทั้งปีแล้วหวังชดเชยด้วยการพักผ่อนเพียงไม่กี่วัน”







