Longevity คืออะไร? ทำไมเราควรใส่ใจเรื่องอายุยืนตั้งแต่วันนี้

Longevity คืออะไร? ทำไมเราควรใส่ใจเรื่องอายุยืนตั้งแต่วันนี้

อายุขัยของมนุษย์เพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอดศตวรรษที่ผ่านมา แนวคิด Longevity กำลังกลายเป็นประเด็นสำคัญในโลกที่มีผู้สูงวัยอย่างรวดเร็ว

KEY

POINTS

  • Longevity ไม่ใช่แค่การมีอายุยืนยาว (Lifespan) แต่คือการยืดช่วงเวลาของการมีสุขภาพดีปราศจากโรคเรื้อรัง (Healthspan) ควบคู่ไปด้วย
  • ปัจจัยที่กำหนดอายุยืนประกอบด้วยพันธุกรรม (ประมาณ 25%) สิ่งแวดล้อม และไลฟ์สไตล์ ซึ่งการเลือกกินอาหาร การออกกำลังกาย และการนอนหลับมีผลอย่างมาก
  • ปัจจุบันมีเทคโนโลยีการตรวจสุขภาพเชิงลึก (Longevity Diagnostics) เพื่อประเมินอายุชีวภาพ และเทคโนโลยีชะลอวัย (Longevity Tech) เช่น AI และเซลล์บำบัด เพื่อช่วยยืดอายุอย่างมีคุณภาพ
  • การใส่ใจเรื่องอายุยืนควรเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ เพราะพฤติกรรมการดูแลสุขภาพในปัจจุบัน คือรากฐานของการมีชีวิตที่ยืนยาวและแข็งแรงในอนาคต

ในปี 1913 มนุษย์มีอายุเฉลี่ยเพียง 34 ปี แต่ข้อมูลในปี 2025 พบว่า อายุขัยเฉลี่ยของประชากรโลกตอนนี้อยู่ที่ 73.49 ปี แปลว่า อายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์เพิ่มขึ้นประมาณ 116.15% จากปี 1913 ถึงปี 2025 ซึ่งถือเป็นพัฒนาการที่น่าทึ่งของวงการแพทย์และสาธารณสุข

แต่ "การมีชีวิตยืนยาว" หรือ Longevity ไม่ได้แปลว่าแค่มีชีวิตนานขึ้นเท่านั้น แต่ยังหมายถึง “การมีชีวิตที่ดี” ไปพร้อมกันด้วย

กรุงเทพธุรกิจ จะพาผู้อ่านสำรวจความหมายของ Longevity ในมิติต่างๆ ทั้งงานวิจัย ข้อมูลสุขภาพ และปัจจัยที่กำหนดว่า เราจะมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพได้อย่างไร

Longevity คืออะไร? ทำไมเราควรใส่ใจเรื่องอายุยืนตั้งแต่วันนี้

Longevity คืออะไร?

ในทางการแพทย์ Longevity คือการใช้ความรู้ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เพื่อช่วยให้มนุษย์มีชีวิตยืนยาวขึ้น พร้อมสุขภาพที่ดี จุดประสงค์ไม่ใช่แค่เพิ่มจำนวนปีที่มีชีวิตอยู่ แต่เพิ่ม "คุณภาพของปีเหล่านั้น" ด้วย

นักวิจัยแบ่งความหมายของ Longevity ออกเป็น 3 ส่วนสำคัญ:

1 ยืดอายุขัย (Lifespan)

2 ยืดช่วงสุขภาพดี (Healthspan)

3 ชะลอหรือย้อนกระบวนการเสื่อมของร่างกาย (Aging reversal)

Lifespan vs. Healthspan: ชีวิตที่ยืนยาวไม่เท่ากับคุณภาพชีวิตที่ดี

หลายคนเข้าใจว่า แค่มีอายุยืนยาวก็เพียงพอแล้ว แต่นักวิจัยด้านอายุยืนทั่วโลกชี้ว่า "Healthspan" หรือช่วงเวลาที่ใช้ชีวิตโดยไม่ป่วยเรื้อรังต่างหาก คือเป้าหมายที่แท้จริงของการมีชีวิตยืนยาว

ในปี 2000 มีประชากรอายุเกิน 75 ปีอยู่ราว 152 ล้านคน แต่ในปี 2023 ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า เป็น 300.8 ล้านคนทั่วโลก ความท้าทายจึงไม่ใช่แค่อยู่ให้นานขึ้น แต่ต้องอยู่แบบไม่ป่วย ด้วย

อะไรบ้างที่เป็นตัวกำหนดว่าเราจะมีชีวิตยืนยาวแค่ไหน?

  • พันธุกรรม (Genetics)

ประมาณ 25% ของความแตกต่างด้านอายุขัยระหว่างคน เกิดจากพันธุกรรม เช่น ยีนที่ซ่อมแซม DNA หรือป้องกันความเสื่อมของเซลล์

  • สิ่งแวดล้อม (Environment)

ช่วงล็อกดาวน์ COVID-19 ในยุโรป มีการรายงานว่า “อัตราการตายจากมลพิษทางอากาศลดลง”

  • ไลฟ์สไตล์ (Lifestyle)

อาหาร การออกกำลังกาย และพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ส่งผลอย่างมากต่อสุขภาพระยะยาว

เช่น ออกกำลังกายเป็นประจำ นอนหลับเต็มอิ่มและเพียงพอ ลดความเครียด รวมไปถึงการกินอาหารแบบเน้น Whole Foods

Longevity คืออะไร? ทำไมเราควรใส่ใจเรื่องอายุยืนตั้งแต่วันนี้

Longevity Diagnostics: ตรวจสุขภาพเชิงลึกเพื่อยืดอายุอย่างมีคุณภาพ

การตรวจเชิงลึกเพื่อประเมินอายุชีวภาพ (Biological Age) กำลังกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของคลินิกสุขภาพทั่วโลก เช่น

  • การตรวจยีน (Genetic Screening) เพื่อตรวจหาความเสี่ยงโรคเรื้อรัง เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ สมองเสื่อม
  • วัดความยืดหยุ่นของหลอดเลือด (Pulse Wave Velocity) เป็นตัวชี้วัดอายุหลอดเลือดที่สัมพันธ์กับอายุร่างกาย
  • แรงบีบมือ (Grip Strength) ข้อมูลจากหลายงานวิจัยพบว่า มีความเชื่อมโยงระหว่างแรงบีบมือต่ำกับการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและความเปราะบางของร่างกาย
  • สมรรถภาพปอด (VO2 max) ใช้วัดการฟื้นตัวของร่างกายและพลังงานจากออกซิเจนขณะออกกำลังกาย
  • นาฬิกาอายุชีวภาพ (Epigenetic Clocks) หนึ่งในนาฬิกาที่แม่นยำที่สุดคือ “GrimAge” ซึ่งสามารถทำนายความเสี่ยงการเสียชีวิตจากโรคต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ

Longevity Tech: เทคโนโลยีแห่งยุคที่ยืดคุณภาพชีวิต

ในขณะที่ประชากรโลกกำลังมีอายุยืนมากขึ้น เทคโนโลยีด้าน Longevity ก็กำลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็น

  • AI diagnostics ที่ตรวจหาความเสื่อมของร่างกายก่อนแสดงอาการ
  • Gene editing ที่อาจซ่อมแซมความผิดปกติระดับเซลล์
  • เซลล์บำบัด (Cell therapy) ที่ฟื้นฟูอวัยวะเสื่อม
  • อาหารเสริมแบบเฉพาะบุคคล (Personalized supplements) ที่ออกแบบตาม DNA และ microbiome ของแต่ละคน

บริษัทระดับโลก เช่น Altos Labs, Calico และ Human Longevity Inc. ต่างลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อวิจัยการชะลอวัย และพลิกโฉมการดูแลสุขภาพในอนาคต โดยเป้าหมายไม่ใช่แค่ ยืดจำนวนปีที่มีชีวิต แต่ ยืดจำนวนปีที่สุขภาพยังดีอยู่

สรุปได้ว่า หากอยากมีชีวิตที่ยืนยาวและสุขภาพดี ต้องเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ เพราะ Longevity ไม่ใช่เรื่องของผู้สูงวัยอีกต่อไป แต่คือเรื่องของทุกคน ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ เพราะสุขภาพดีในวันข้างหน้า ล้วนเริ่มจากพฤติกรรมในวันนี้

 

อ้างอิง healthylongevity , my.clevelandclinic , health.harvard , weforum , macrotrends