Skin Quality 'งานผิว' เทรนด์ใหม่มาแรงระดับโลก

Skin Quality 'งานผิว' เทรนด์ใหม่มาแรงระดับโลก

หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้คนหันมาใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้น ไม่เพียงแค่ด้านสุขภาพเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความสวยความงามที่มีการเติบโตมากขึ้นอีกด้วย โดยเทรนด์ความงามในปัจจุบัน คงหนีไม่พ้นเรื่องการมี 'คุณภาพผิวที่ดี'

Key Point :

  • โควิด-19 ส่งผลให้คนเริ่มหันมาตระหนักเรื่องของสุขภาพรวมไปถึงความงามมากขึ้น มีการคาดการณ์ว่าหลังโควิด ภาพรวมตลาดเวชศาสตร์ความงามไทยจะมีการเติบโตกว่า 30-40%
  • ปี 2564 ทั่วโลกมีผู้ที่เสริมความงามโดยศัลยแพทย์ เพิ่มขึ้นถึง 19.3% โดยเป็นการทำศัลยกรรมแบบผ่าตัด 12.8 ล้านครั้ง และศัลยกรรมแบบไม่ผ่าตัด 17.5 ล้านครั้ง
  • ขณะเดียวกัน เทรนด์ความงามที่ทั่วโลกต่างให้ความสนใจในขณะนี้ คงหนีไม่พ้น 'Skin Quality' หรือ การมี 'คุณภาพผิวที่ดี' ที่กำลังมาแรงแห่งยุค

 

ธุรกิจความสวยความงาม ติดใน 3 อันดับธุรกิจที่มีการโตที่สุดในแต่ละปี ภาพรวมตลาดเวชศาสตร์ความงามไทย มีการเติบโตแบบ Double-digit growth ในทุกปีในช่วงก่อนและระหว่างสถานการณ์โควิด-19 อีกทั้ง มีการคาดการณ์ว่าหลังสถานการณ์โควิด-19 จะมีการเติบโต 30-40% โดยปัจจัยหนึ่ง คือ คนเริ่มตระหนักในการดูแลตัวเอง Self-care awareness

 

ข้อมูลการเสริมความงามในยุคปัจจุบัน จากสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยนานาชาติ (International Society of Aesthetic Plastic Surgery หรือ ISAPS) พบว่า ผู้ที่เสริมความงามโดยศัลยแพทย์ในปี 2564 เพิ่มขึ้นถึง 19.3% โดยเป็นการทำศัลยกรรมแบบผ่าตัดรวมกว่า 12.8 ล้านครั้ง และศัลยกรรมแบบไม่ผ่าตัด 17.5 ล้านครั้งทั่วโลก สำหรับในประเทศไทยเอง อุตสาหกรรมศัลยกรรมและความงาม ปี 2565 ก็มีมูลค่ารวมกว่า 60,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 2560 ซึ่งอยู่ที่ 30,000 ล้านบาท

 

Skin Quality \'งานผิว\' เทรนด์ใหม่มาแรงระดับโลก

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

 

เมิร์ซ เอสเธติกส์ (ประเทศไทย) ในฐานะผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายนวัตกรรมเทคโนโลยีความงามคุณภาพระดับพรีเมียมครอบคลุมทั้งการดูแลรักษาผิวพรรณและรูปร่างครบวงจร ในผลิตภัณฑ์ 3 กลุ่ม ได้แก่ เครื่องมือ Ulthera (skin tightening), Filler (สารเติมเต็ม), Botulinum Toxin (สารลดเลือนริ้วรอย) ในปี 2565 ที่ผ่านมา มีการเติบโตขึ้นแบบ Triple-digit กว่า 111% พร้อมกับตั้งเป้า 3,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี

 

งานผิว เทรนด์ใหม่แห่งยุค

 

เภสัชกรหญิง กิตติวรรณ รัตนจันทร์ ผู้บริหารสูงสุดบริษัท เมิร์ซ เอสเธติกส์ ประเทศไทย ให้สัมภาษณ์กับ 'กรุงเทพธุรกิจ' ว่า ปีที่ผ่านมาเรียกว่าเติบโตเกินความขาดหมายกว่า 2,000 ล้านบาท จากปีก่อนหน้านี้ที่ไม่ถึง 1,000 ล้านบาท เนื่องด้วยลูกค้าซึ่งเป็นคลินิกมีการทำการตลาดมากขึ้น และผู้บริโภคเองใส่ใจดูแลตัวเองและเลือกใช้จ่ายให้กับตัวเองมากขึ้น

 

เทรนด์ความงามปัจจุบัน ที่ชัดเจนแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ในกลุ่มคนรุ่นใหม่จะเน้นในเรื่องของผิว การป้องกัน ทำอย่างไรให้ผิวสุขภาพดี เป็นเทรนด์ผิวที่มาแรง และอีกกลุ่มคือมีความสนใจในเรื่องของนวัตกรรมที่รวดเร็ว ไม่ต้องพักฟื้น สวยได้ในทันที อีกทั้ง คนกลัวเข็มก็กล้าเข้าคลินิกมากขึ้น เพราะมีนวัตกรรมหลายอย่างที่ไม่ต้องใช้เข็ม

 

“เรียกว่า ตอนนี้เทรนด์มาแรงในทุกเพศทุกวัย จากเดิมที่จะเป็นในกลุ่มของผู้หญิงและสูงอายุ ถัดมา มีกลุ่ม LGBT ที่หันมาสนใจ และปัจจุบันกลุ่มอายุน้อยลงและผู้ชายก็เริ่มหันมาสนใจเข้าคลินิก โดยเรามองว่าเป็นการดูแลตัวเอง เพราะช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้เกิดความตระหนักในการดูแลตัวเอง (Self-care awareness) และกลุ่มความงามก็อยู่ในนั้นด้วย”

 

Skin Quality \'งานผิว\' เทรนด์ใหม่มาแรงระดับโลก

 

นวัตกรรม ตอบโจทย์ลูกค้า

 

สำหรับ เมิร์ซ ซึ่งดำเนินธุรกิจในไทยมากกว่า 8 ปี และมีผลิตภัณฑ์ 3 กลุ่มตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท แต่สิ่งที่ทำให้เติบโตคือการไม่หยุดพัฒนานวัตกรรมตอบโจทย์เทรนด์ที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค “เภสัชกรหญิง กิตติวรรณ” อธิบายว่า หากมองในด้านนวัตกรรม แม้จะผลิตภัณฑ์เดิม แต่นวัตกรรมที่เกิดขึ้นสามารถนำไปใช้ในรูปแบบใหม่ๆ มีการทำงานร่วมกับแพทย์ มองหาเทคนิค โปรแกรมใหม่ๆ และมีการศึกษามาโดยตลอด เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในยุคปัจจุบัน

 

มองว่านวัตกรรมทั้ง 2 ด้าน ทั้งผลิตภัณฑ์ใหม่ และ ผลิตภัณฑ์เก่าแต่เพิ่มเทคนิคใหม่ๆ เปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ ล่าสุด ได้พัฒนาเทคโนโลยีด้านความงามเพื่อตอบโจทย์เทรนด์ระดับโลกอย่าง “Skin Quality” หรือ การมี “คุณภาพผิวที่ดี” ที่กำลังมาแรงในยุคนี้ เช่น การใช้สารโบทูลินัมท็อกซินเพื่อลดรูขุมขน ลดหน้ามัน หรือการใช้เครื่อง Ulthera เพื่อตอบโจทย์ด้านความอ่อนเยาว์ รวมถึง การสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น ฟิลเลอร์งานผิว เป็นต้น

 

“นวัตกรรมความงามในเอเชีย เกาหลีใต้ถือเป็นเบอร์ 1 ซึ่งนำไทยประมาณ 3-5 ปี ดังนั้น ต้องมองว่าเทรนด์เกาหลีเป็นอย่างไรและนำเอาเทรนด์เกาหลี มาพูดคุยกับแพทย์ และดูว่ามีเทรนด์ไหนน่าสนใจ การมองเทรนด์ตรงนี้ทำให้เราเติบโต เตรียมตัวล่วงหน้า และหากลยุทธ์รองรับเทรนด์ที่กำลังจะมา มองว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้เมิร์ซประสบความสำเร็จในประเทศไทยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เราลงทุนตลอด ถึงแม้ในช่วงแรกของโควิดที่ยังไม่รู้ว่าเทรนด์จะไปในทิศทางไหน”

 

Anti-aging & Wellness แนวโน้มโต

 

ทั้งนี้ ตลาดความงาม เรียกได้ว่าขับเคลื่อนด้วยคลินิกเป็นส่วนใหญ่ พาร์ตเนอร์ของ เมิร์ซ เอสเธติกส์ ประเทศไทย ซึ่งมีมากกว่า 500 แห่ง เป็นคลินิกกว่า 90% และอีก 10% เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีสนใจในเรื่องของ Anti-aging & Wellness

 

“เภสัชกรหญิง กิตติวรรณ” อธิบายต่อไปว่า เทรนด์ในปัจจุบันต้องยอมรับว่าโรงพยาบาลเข้ามาสนใจในตลาด Aesthetics สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม หากเทียบยอดขายตัวเลขใหญ่ของธุรกิจนี้ก็ยังเป็นคลินิกอยู่กว่า 90% ในส่วนของโรงพยาบาลที่เห็นมากขึ้น คือ เรื่องของ Anti-aging & Wellness ซึ่งจะดูเรื่องขององค์รวมและมีเรื่องของความงามอยู่ในนั้นด้วย นับเป็นเทรนด์ของโรงพยาบาลที่จะเติบโตไปพร้อมๆ กัน และจะมาแรงขึ้นเรื่อยๆ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

 

ตลาดความงามนับเป็นตลาดแดงเดือดประมาณหนึ่ง มีผู้เล่นเข้ามามากเพราะเป็นตลาดดาวรุ่ง ดังนั้น ทำอย่างไรที่จะ “สร้างสรรค์” สินค้าใหม่ เทคนิคใหม่ๆ , “ส่งเสริม” เมื่อมีคลินิก มีแพทย์เข้ามาในตลาดมากขึ้น จะส่งเสริมในการเป็นพาร์ตเนอร์มากขึ้น สร้างความรู้ความเข้าใจแพทย์ใหม่ๆ ที่เข้ามาในตลาด โดยให้ความรู้ในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้อง รวมถึงพนักงานหน้าร้านซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่จะให้ข้อมูลกับผู้บริโภค และนักการตลาดของคลินิก และสุดท้าย “สื่อสาร” ให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างถูกต้อง เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง

 

“ความท้าทาย คือ ทำอย่างไรให้ธุรกิจนี้มีความยั่งยืน เพราะหากมีการใช้แบบผิดๆ ไม่ถูกต้อง จะเกิดอันตรายต่อผู้บริโภค และทำลายทั้งอุตสาหกรรม ดังนั้น ทำอย่างไรให้มีการสื่อสารที่ถูกต้องและปลอดภัย เป็นสิ่งที่เราพยายามให้ความรู้มากขึ้นทั้งกับผู้บริโภคและแพทย์ด้วย” เภสัชกรหญิง กิตติวรรณ กล่าว

 

Skin Quality \'งานผิว\' เทรนด์ใหม่มาแรงระดับโลก

 

เลือกผลิตภัณฑ์อย่างไรให้ปลอดภัย

 

เมื่อตลาดความงามได้รับความนิยมมากขึ้น และมีการแข่งขันสูงในตลาด มุมมองของผู้บริโภคเองจึงต้องมีความระมัดระวังในการเลือกรับบริการ ทั้งการเช็กคลินิก แพทย์ที่ให้บริการ และผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยเฉพาะสารเติมเต็ม และ สารลดเลือนริ้วรอย

 

เภสัชกรหญิง กิตติวรรณ แนะว่า สิ่งที่จะต้องรู้มี 3 อย่างหลัก คือ 1. เป็นของที่ได้ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง ต้องยอมรับว่าในตลาดมีทั้งยาจริงยาปลอม แพทย์จริงแพทย์ปลอม รวมถึงคลินิกจริงและคลินิกปลอม สิ่งที่เมิร์ซทำได้ คือ ในเชิงผลิตภัณฑ์ โดยมีคิวอาร์โค้ดในทุกผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ผู้บริโภคตรวจสอบได้ว่าเป็นของแท้จากบริษัท

 

“การที่เราจะบอกว่าเป็นสินค้าที่ได้มาตรฐาน คือ เป็นสินค้าที่เมิร์ซนำเข้าและขายให้แพทย์เพื่อให้ผู้บริโภคใช้ นี่คือ ของแท้ที่มีคิวอาร์โค้ด แต่ในส่วนของที่ไม่ได้มาตรฐาน มีอยู่ 2 แบบ คือ ของปลอม และ หิ้วเข้ามา เป็นของแท้แต่หิ้วเข้ามา แต่การหิ้วเข้ามามีอันตรายในการขนส่ง เพราะตัวผลิตภัณฑ์เองการขนส่งที่ไม่ได้มาตรฐาน มีโอกาสทำให้ผลิตภัณฑ์เสื่อมประสิทธิภาพได้”

 

ในการนำเข้ามาแต่ละครั้ง จะมีตัววัดอุณหภูมิที่ตู้คอนเทนเนอร์ทุกครั้งและต้องมีการตรวจสอบตลอดระยะเวลาจากโรงงานมาถึงคลังสินค้า หากมีอุณหภูมิเกินกว่ากำหนดจะต้องทำลายทิ้ง เช่น ช่วงโควิด-19 ซึ่งมีช่วงที่รอขึ้นเครื่องที่สนามบินระยะเวลานาน แต่สินค้าหิ้วจะไม่มีตรงนี้ แม้จะเป็นการหิ้วของแท้แต่ก็ไม่ได้แปลว่าได้มาตรฐาน เพราะบางครั้งยาอาจเสื่อมสภาพ นี่คือสิ่งที่กังวลเสมอ

 

สิ่งที่พยายามจะบอกผู้บริโภค คือ 1) คิวอาร์โค้ด หากสินค้าหิ้วมาจะไม่มีคิวอาร์โค้ด เพราะคิวอาร์โค้ดจะถูกแปะหลังจากนำเข้ามาเรียบร้อย และมีสติ๊กเกอร์ภาษาไทย นอกจากนี้ คิวอาร์โค้ดจะสามารถแสกนได้เพียง 3 ครั้ง เป็นการป้องกันอีกขั้นหนึ่งว่าจะไม่ถูกนำมาใช้ใหม่ในทางที่ผิด

 

2) เช็กคลินิกที่ซื้อผลิตภัณฑ์จากเมิร์ซ ได้ที่เว็บไซต์และเมื่อถึงคลินิกสามารถเช็กคิวอาร์โค้ดอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ และ 3) ต้องตรวจสอบว่าเป็นแพทย์เชี่ยวชาญ คลินิกได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตถูกต้อง เป็น 3 อย่างหลักที่จะคอยบอกกับผู้บริโภคเสมอว่าต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนรับบริการเพื่อความปลอดภัย

 

“อยากจะสนับสนุนให้ลูกค้า เมื่อเลือกบริการแล้วขอสแกนคิวอาร์โค้ดดูก่อน ทั้งนี้ ส่วนใหญ่แพทย์ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพแทบจะไม่ต้องรอให้ลูกค้าถาม แต่จะหยิบกล่องขึ้นแสกนให้ดูเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นของแพทย์และคลินิกเองด้วย แพทย์ถือเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยยืนยันว่าใช้ของได้มาตรฐาน นับเป็นเรื่องที่ดีที่เกิดขึ้นในตลาด”

 

 

Skin Quality \'งานผิว\' เทรนด์ใหม่มาแรงระดับโลก