ถอดรหัสกลยุทธ์บริหารคนในยุคใหม่ สร้างนิเวศผูกพัน-เป้าหมายชีวิต

นำวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่น” บริษัทผู้ผลิต นำเข้าและจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับการทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์
KEY
POINTS
- ที่นำวิวัฒน์ให้คุณค่าคนคุณภาพมากกว่าปริมาณ หากมีคนลาออกไปเยอะ ก็ไม่ได้ติดอะไร ถ้าคนที่ออกไปไม่มีคุณภาพ
- เรารักษาพนักงานที่มีอายุงานมากไว้ โดยไม่จำกัดอายุการทำงาน ถ้าพวกเขายังทำงานได้
- การมีความสุขกับงานถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการมีชีวิตที่ยืนยาว แม้ว่าจะดูแลสุขภาพอย่างดีเยี่ยม
“นำวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่น” บริษัทผู้ผลิต นำเข้าและจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับการทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ในโรงพยาบาล การผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สิ้นเปลืองสำหรับใช้ร่วมกับเครื่องมือทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ บริการอื่นที่เกี่ยวข้องครบวงจร (One Stop Solution) ปัจจุบันมีฐานลูกค้าที่สำคัญเป็นโรงพยาบาล หน่วยงานองค์กรทางด้านสาธารณสุขกว่า 1,200 แห่ง
ในยุคที่การบริหารทรัพยากรบุคคล (HR) ซับซ้อนกว่าแค่เงินเดือนและสวัสดิการ การรักษาพนักงานคุณภาพเป็นความท้าทายสูงสุด ของแต่ละองค์กรการสร้าง “ระบบนิเวศ” (Ecosystem) ที่แข็งแกร่งควบคู่ไปกับการดูแล “จิตใจ” (Mind) และปัญหาชีวิตส่วนตัวของพนักงาน จึงเป็นกุญแจสำคัญในการบริหารองค์กรอย่าง “นำวิวัฒน์” ที่ทำให้แม้แต่พนักงานอาวุโสที่มีประสบการณ์สูงก็ยังเลือกที่จะอยู่ต่อและทำงานอย่างมีความสุข
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
Edwards เปิดตัว! ลิ้นหัวใจเทียมรุ่นใหม่ พลิกเกมโรคหัวใจไทย
อบรมฟรี ได้ทำงานจริง 'หลักสูตรธุรกิจการขนส่งและการค้าระหว่างประเทศ'
Ecosystem แห่งรักและผูกพัน
“วิโรจน์ ชัยเทอดเกียรติ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทนำวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) หรือ NAM แม้ว่าจะมีภารกิจที่ต้องขับเคลื่อนกิจการให้เติบโตยั่งยืน สร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ให้เป็นที่รู้จัก ไปพร้อมกับการสร้างสภาพแวดล้อม (Environment) ในสำนักงานที่เอื้อต่อการทำงาน เพื่อให้พนักงานชอบและมีความสุขในการทำงาน เพราะหากพนักงานไม่ชอบ พวกเขาอาจจะลาออกไป ดังนั้นการสร้าง Ecosystem จึงมุ่งเน้นให้พนักงานที่เข้ามาทำงานในองค์กร รักองค์กร รักงานที่ทำ และรักเพื่อนร่วมงาน และผูกพันกับทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวพวกเขา ก็จะไม่ลาออกไปทำงานที่อื่น
กลยุทธ์ในการสร้าง Ecosystem “นำวิวัฒน์” ประกอบด้วย ดูแลปัจจัยพื้นฐานและกิจกรรมร่วม มีการดูแลเรื่องของการกิน และจัดกิจกรรมผ่านการมีส่วนร่วม เช่น การออกทริป การสร้างกิจกรรมนอกสถานที่ (outing) เพื่อให้พนักงานมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมทั้งในออฟฟิศและในพื้นที่โรงงานให้สะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจการผลิต (manufacturing) ที่ความสกปรกจะทำให้คนไม่อยากทำงานและส่งผลต่อสุขภาพ (Healthy)จึงให้ความสำคัญต่อความสะอาดของสถานที่ทำงานเป็นอย่างมาก ปรับปรุงทั้งห้องอาหารและสภาพแวดล้อมให้เอื้ออำนวยกับการทำงานของพนักงาน
ให้คำปรึกษาที่เข้าถึงปัญหาในชีวิตจริง
นอกจากการดูแลสภาพแวดล้อมภายนอกแล้ว องค์กรยังให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับเรื่องของ “ไซโคร” (Psycho) หรือ “มายด์” (Mind) หรือจิตใจ เนื่องจากจิตใจเป็นสิ่งสำคัญมาก มีระบบให้คำปรึกษา ผ่านฝ่าย HR เพื่อทำหน้าที่ เป็นที่ปรึกษาเรื่องของปัญหาครอบครัว ปัญหาบ้าน หรือปัญหาอื่น ๆ ที่จะช่วยให้ปัญหาที่พนักงานมีอยู่ลดลง เพราะตระหนักดีว่าเมื่อพนักงานกลับจากทำงานไปถึงบ้าน พวกเขาต้องเผชิญกับปัญหาชีวิตส่วนตัว
นอกจากนี้ ยังให้ความช่วยเหลือการจัดการปัญหาทางการเงิน ช่วยเหลือพนักงานที่มีปัญหาหนี้นอกระบบหรือปัญหาการใช้เงิน ล่าสุดได้มีการดึงธนาคารที่ดูแล SME เข้ามาพูดคุย สอนวิธีการบริหารเงิน และแนะนำช่องทางในการกู้หรือทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างถูกวิธี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าองค์กรมีระบบในการดูแลพนักงานแม้แต่เรื่องที่เกิดขึ้นนอกบริษัท
เน้นคุณภาพคนออกมากกว่าปริมาณ
แม้จะมีพนักงานประมาณ 500 คน และมีอัตราการลาออกอยู่ที่ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ แต่ “วิโรจน์" บอกว่าหลักการบริหารคนของ
“นำวิวัฒน์” จะให้ความสำคัญกับปริมาณคนออกไม่สำคัญเท่าคุณภาพของคนที่ออก ด้วยการให้ HR ทำสถิติและวิเคราะห์ โดยพยายามบริหารจัดการให้ คนระดับที่มีคุณภาพลาออกไปน้อยที่สุด ในทางกลับกัน หากมีพนักงานที่เข้ามาแล้วไม่ชอบ ดื่มเหล้า หรือสร้างปัญหาให้กับเพื่อนร่วมงาน องค์กรก็จะให้เขาออกไป สะท้อนให้เห็นถึงการคัดคนเข้ามาอย่างเข้มงวดและเน้นการรักษาคนที่มีคุณภาพไว้
"ที่นำวิวัฒน์ ให้คุณค่าคนคุณภาพมากกว่าปริมาณ หากมีคนลาออกไปเยอะ ก็ไม่ได้ติดอะไร ถ้าคนที่ออกไปไม่มีคุณภาพเรารักษาพนักงานที่มีอายุงานมากไว้ โดยไม่จำกัดอายุการทำงาน ถ้าพวกเขายังทำงานได้ มีใช้ประสบการณ์ของพวกเขาอย่างเต็มที่ในการทำงาน แม่บ้านที่ทำงานก็มีอายุ 65 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่เกษียณและรับจ้างทำงานต่อ โดยหาทางทำให้พวกเขามีงานทำ ในสภาพแวดล้อมที่พวกเขาแฮปปี้ และป้องกันไม่ให้พวกเขาเฉี่ยวเฉาเมื่อไม่มีงานทำ"
ชีวิตสุขสมดุลทำงานที่มีคุณภาพ
สำหรับปรัชญาการใช้ชีวิตและการทำงานที่มีคุณภาพของ “วิโรจน์" คือการ “บูรณาการ” (integrate) ความสุขเข้ากับทุกส่วนของชีวิตและงาน แนวคิดนี้แตกต่างจากการ “บาลานซ์” (balance) โดยสิ้นเชิง เขาบอกว่า ความสุขไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่ต้องจัดสรรเวลาให้เท่าเทียมกับงาน แต่เป็นส่วนหนึ่งที่เราอยู่กับมันและมีความสุขไปกับมันได้ในทุกขณะของการทำงาน ที่เขายึดหลักปรัชญานี้ ก็เพราะว่าการทำงานปัจจุบันเป็นการงานที่มีความสุขอยู่แล้ว ทุกนาทีที่ทำเต็มไปด้วยความสุขกับงาน ซึ่งทำให้งานกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
“การมีความสุขกับงานถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการมีชีวิตที่ยืนยาว แม้ว่าจะดูแลสุขภาพอย่างดีเยี่ยม เช่น นอนดี กินดี และออกกำลังกาย แต่หากตื่นเช้ามาแล้วต้องเผชิญกับ ความเครียดและทำงาน 8 ชั่วโมงที่ไม่ชอบ สิ่งนี้จะสร้างความเป็นพิษ (toxic) จำนวนมาก ซึ่งสามารถทำลายประโยชน์ของสุขภาพที่ดีได้”
เขาอธิบายว่าความสุขในการทำงานนี้เกิดจากการได้ ทำในสิ่งที่ชอบ และต้องการพัฒนาการทำงานให้มากขึ้นไปเรื่อยๆ (develop) ความสุขของเขาเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนที่กลับมาทำงานที่ประเทศไทยเมื่อ 26 ปีที่แล้ว เพราะธุรกิจครอบครัวเป็นสิ่งที่เขาชอบทำมาตั้งแต่เด็ก และเขามีเป้าหมายที่จะพัฒนาประเทศและพิสูจน์ว่าคนไทยก็ทำได้ แม้จะบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯได้แล้ว แต่นั่นเป็นเพียง “แชปเตอร์หนึ่ง” (Chapter One) ในสมุดบันทึกเท่านั้น เพราะเป้าหมายจะถูกตั้งให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ และต้องเดินหน้าต่อไปเรื่อย ๆ เพราะความคาดหวังไม่ได้อยู่ที่ตัวเขาเองเพียงอย่างเดียวแล้ว แต่เป็นความคาดหวังของนักลงทุนผู้ถือหุ้นด้วย
"แม้จุดแข็ง ของระบบการแพทย์ไทย คือการมีโรงพยาบาลที่แข็งแรง แพทย์ที่แข็งแรง และปริมาณบุคลากรที่แข็งแรง บริการที่มีราคาที่ เข้าถึงได้ (Affordable)ทำให้สามารถพัฒนาไทยให้เป็น ศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) ศูนย์วิจัยทางการแพทย์ (Research Medical Center)และเป็นศูนย์กลางเครื่องมือแพทย์ของภูมิภาค แต่จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากผู้ที่เข้ามาบริหารประเทศ โดยเชื่อว่าการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ เอกชน สถาบันวิจัย และมหาวิทยาลัย จะเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจตัวใหม่ (Gilling)ของประเทศนี้เป็นจริง"
ปัจจุบันการเติบโตของอุตสาหกรรมการแพทย์ทั้งโลกมีประมาณ2.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คาดการณ์ว่าปี 2030 จะมีประมาณ 5.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ “นำวิวัฒน์” ตั้งเป้าว่าต้องการนำนวัตกรรมใหม่มาสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไข้ บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ให้บริการ โดยมีผลิตภัณฑ์อยู่ 320 เอสเคยูเป็นมาตรฐานเทียบเท่าต่างประเทศ พร้อมส่งออกยุโรปหรืออเมริกา ทำให้ทั่วโลกรู้จักผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ผลิตโดยคนไทย







