รายย่อยกระหึ่ม | ออฟเรคคอร์ด

รายย่อยกระหึ่ม  | ออฟเรคคอร์ด

ถึงวันที่เสียงของ “รายย่อย” เริ่มมีพาวเวอร์ หลังเกิดปรากฏการณ์ส่งต่อข้อความในโลกออนไลน์ "นัดหยุดเทรดหุ้นทุกโบรกเกอร์" 20 พ.ย.66

๐๐๐ รายย่อยกระหึ่ม 

        ถึงวันที่เสียงของ “รายย่อย”  เริ่มมีพาวเวอร์   หลังเกิดปรากฏการณ์ส่งต่อข้อความในโลกออนไลน์  "นัดหยุดเทรดหุ้นทุกโบรกเกอร์"  20 พ.ย.66 เซ่นวิกฤติความเชื่อมั่น หลัง ก.ล.ต. ไร้น้ำยา ไม่แยแสกับการจัดการ ปัญหา Short Sell

     

    ท่ามกลางการออกมาเรียกความเชื่อมั่นตลาดหุ้นไทยผ่านหน่วยงานที่รับผิดชอบ และแม่งานใหญ่  คลัง ที่ได้คนคุ้นเคยตลาดหุ้นไทย “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” เข้ามาดูแลด้วยตัวเอง 

      ประเดิมผ่านออก “กองทุน TESG”  พ่วงลดหย่อนภาษีทันทีในฐานปี 2566 แต่ดัชนีหุ้นไทยกลับไม่ตอบรับติดลบตลอดทั้งวัน ตีความได้ มาตรการไม่ปัง และไม่ตรงจุด  ​เพราะเลือกลงทุนเฉพาะหุ้นที่มี ESG ต้องมี ธรรมาภิบาลยังถูกกังขามีเหลือสักกี่หุ้นนอกเหนือ Set 50  !! 

     ผสมกับไร้การตอบรับเมื่อ ‘รายย่อย’ ไม่ได้ต้องการหยุดธุรกรรม short sell  แต่มาจากการปล่อยให้  เอาเปรียบรายย่อย ในตลาดหุ้นหลายต่อหลายครั้งผ่าน  HFT ที่ไม่ได้มีปริมาณมากเทียบกับทั้งตลาดหุ้นแต่รายหุ้นปล่อย SBL - Short sell กันโนลิมิต แม้แต่ หุ้นใหญ่ 5 อันดับยังไม่รอด 

     ยังไม่นับรวม บจ.- ผู้บริหาร “เบี้ยวหนี้ - ปล้นเงิน” ไปแบบดื้อๆ เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก แบบนี้จะเรียก  ลงทุน หรือวัดดวงดี  

๐๐๐

ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ อยู่ในแดนลบเกือบตลอดทั้งวัน แม้จะมีการจัดตั้งกองทุน TESG Fund แต่ตลาดแทบไม่ตอบรับ เพราะมองว่าเงื่อนไขไม่จูงใจ โดยให้ลดหย่อนภาษีสูงสุด 1 แสนบาท และต้องลงทุนเป็นเวลา 8 ปี ส่วนปัจจัยต่างประเทศรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ เพื่อจับสัญญาณอัตราดอกเบี้ยของเฟด

๐๐๐

 

โดยดัชนี ปิดการซื้อขายที่ 1,386.04 จุด ลดลง 1.09 จุด หรือ 0.08% ระหว่างวันแตะระดับสูงสุดที่ 1,393.20 จุด และระดับต่ำสุดที่ 1,377.69 จุด มูลค่าการซื้อขาย 47,585.65 ล้านบาท

นักลงทุนต่างชาติซื้อ 26.66 ล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ซื้อ 175.17 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขาย 152.72 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขาย 49.11 ล้านบาท

๐๐๐

พี่ใหญ่กลุ่มโรงพยาบาล BDMS มีแรงซื้อกลับ ปิดที่ 25.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 1.98% ตอบรับข่าวดีหลังกำไรไตรมาส 3 ปี 2566 ทำสถิติสูงสุดใหม่ 3.89 พันล้านบาท +15%YoY และ +27%QoQ ดีกว่าที่ตลาดคาด ตามการเติบโตของผู้ป่วยทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ทำให้กูรูทุกสำนักยังยกนิ้วให้เป็นหุ้น Top Pick ของกลุ่ม

๐๐๐

สวนทางกับ HANA ที่ถูกถล่มขายหนัก 13.24% ปิด 44.25 บาท หลังผลประกอบการออกมาไม่ค่อยน่าประทับใจ รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2566 ที่ 734 ล้านบาท และกำไรปกติ 674 ล้านบาท ลดลง –20%YoY และ –10%QoQ หลังยอดขายชะลอตัวลงทุกกลุ่ม โดยเฉพาะธุรกิจ IC ทั้งๆ ที่เป็นช่วงไฮซีซัน

ส่วนใครที่รอปันผล ประกาศจ่ายในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท จะขึ้น XD 28 พ.ย.66 นี้ และจ่ายจริง 13 ธ.ค. 2566

๐๐๐

PTT ไม่ทำให้ผิดหวัง โกยกำไรไตรมาส 3 ไปทั้งหมด 3.12 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น +252%YoY และ +56%QoQ ซึ่งกลุ่มที่โดดเด่น คือ “โรงกลั่น” จากค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้น และมี Stock gain จากน้ำมันที่อยู่ในช่วงขาขึ้น หนุนราคาหุ้นขึ้นมาปิด 33.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 1.50%

๐๐๐

ส่วน “หุ้นน้ำตาล” จับมือบวกขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง ทั้ง “KSL - KBS - BRR” หลัง ครม. ไฟเขียวปรับขึ้นราคาน้ำตาลทราย 2 บาท/กก. ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของชาวไร่อ้อย

ถือเป็นการพบกันครึ่งทาง หลังก่อนหน้านี้คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย หรือ สอน. มีมติให้ขึ้นราคา 4 บาท/กก. ก่อน ครม. จะมีคำสั่งให้น้ำตาลกลับมาเป็นสินค้าควบคุม และให้คงราคาขายไว้เท่าเดิม

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์