เจาะ 10 กองทุน RMF ลดหย่อนภาษี ให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 66 สูงสุด 70%

เจาะ 10 กองทุน RMF ลดหย่อนภาษี ให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 66 สูงสุด 70%

กองทุนรวม RMF หรือ Retirement Mutual Fund  ตั้งแต่ต้นปี 2566 พบ 10 กองทุน ที่ให้ผลตอบแทนสูงตั้งแต่ 23 -70% อันดับ 1 ให้ผลตอแทนสูงสุด กองทุนเปิด แอสเซทพลัส ดิจิทัล บล็อกเชน เพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ ASP-DIGIBLOCRMF ผลตอบแทน YTD 74.77%

ใกล้สิ้นปีแล้ว หัวข้อ topic ที่น่าสนใจในช่วงนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ซึ่งจัดตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนให้คนไทยออมเงินเพื่อการเกษียณ โดยจะเป็นการออมแบบบังคับให้ลงทุนยาว ๆ โดย RMF มีนโยบายการลงทุนให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น หุ้น ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ ทั้งในหรือต่างประเทศได้ ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ตามความสามารถในการรับความเสี่ยงของตัวเอง นอกจากนี้แล้วยังนำเงินลงทุนในกองทุน RMF ไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนดอีกด้วย

บดินทร์ พุทธอินทร์ ผู้อำนวยการส่วนกลยุทธ์การลงทุน บลจ.ทหารไทยอีสท์สปริง ให้ข้อมูลกับกรุงเทพธุรกิจว่า การลงทุนในกองทุน RMF ในช่วงนี้มีด้วยกัน 4 ธีมที่น่าสนใจ หลังจากที่เฟดน่าจะมีการส่งสัญญาณค่อนข้างชัดเจนน่าจะจบรอบการคงอัตราดอกเบี้ยเรียบร้อยแล้ว โดยธีมแรก Core Port เป็นการกระจายการลงทุนในหุ้นโลก เพราะฉะนั้นควรถือหุ้นโลกเป็น Core Port เพราะถือเป็นการลงทุนระยะยาวได้ 

ส่วนธีม 2 ที่น่าสนใจ กลุ่มเทคฯ ขนาดใหญ่ สามารถลงทุนในระยะยาวได้ เนื่องจากมีกำไรค่อนข้างนิ่ง และมีกระแสเงินสดที่ค่อนข้างดี ซึ่งจะมีความแตกต่างจากกลุ่มเทคฯ ขนาดกลาง ที่ยังต้องไปลุ้นในเรื่องของกำไร หรือกระแสเงินสด ขณะที่ช่วงเศรษฐกิจผันผวนจะลงค่อนข้างแรงกว่า กลุ่มเทคฯ ขนาดใหญ่ ทั้งนี้ แม้ว่าในปีที่ผ่านมาจะดูไม่ค่อยสดใสมากนัก หากย้อนหลังกลับไป ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จะมีแค่ 2 ปีที่ Underperform ควรมีติดพอร์ตไว้ประมาณ 10 -15% 

ขณะที่ธีมที่ 3 ตราสารหนี้ต่างประเทศ หากย้อนกลับไปดูในอดีตปกติตราสารหนี้จะติดลบติดต่อกัน 3 ปีติด แต่ปีที่ติดลบ 3 ปีติดนั้นจะอยู่เพียงแค่ 1 -2% รวมกันแล้วยังไม่ถึง 7-8% และมีปีที่แล้วกับปีนี้ที่ตราสารหนี้ค่อนข้างจะ  Underperform กว่า 10% แต่สถานการณ์ดังกล่าว กลับมาเป็นโอกาสที่น่าสนใจ และถือว่า เป็น Core Port ในตราสารหนี้ได้ว่า จะสามารถได้ยีลด์ที่สูง อย่างเช่น พันธบัตรรัฐบาล 10 ปี ยีลด์ใกล้ ๆ 5% ขณะที่ Investment Grade ยีลด์อยู่ที่ประมาณ 6-7% เรทติ้ง AA- โดยเฉลี่ย และถ้าหากดูค่าเฉลี่ยยีลด์สูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี บวก 3SD ถือว่าอยู่ในระดับสูงมีความน่าสนใจมาก 

ขณะเดียวกัน downside ความเสี่ยงจากขาลงค่อนข้างมีจำกัด เพราะคาดว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยถัดจากนี้ เพราะตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาออกมาไม่ค่อยดีนัก ซึ่งเบื้องต้นก่อนหน้านี้คาดว่า จะลดอัตราดอกเบี้ยไตรมาส 3 ปีหน้า แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปคาดว่าน่าจะอยู่ประมาณกลางปีหน้า โดยเน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภท government bond และ Investment Grade 

และธีมที่ 4 หุ้นไทย ด้วยไทม์มิ่งนี้ SET INDEX อยู่ที่ระดับ 1,400 จุด ต้น ๆ สามารถเข้าไปลงทุนและถือได้ 1 -2 ปี เมื่อมีกำไรแล้ว นักลงทุนอาจจะสามารถสวิตซ์ไปกลุ่มอื่นก็ได้ เพราะขณะนี้หุ้นไทย Forward P/E ลงมาในระดับค่าเฉลี่ยประมาณ 16 เท่า ลงมาในระดับค่าเฉลี่ย 10 ปีถือว่าไม่ถูกและไม่แพง ส่วน Earning growth ยังสามารถเติบโตได้จากมาตรการภาครัฐเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะเริ่มเห็นผลในช่วง 3 - 6 เดือนข้างหน้า ประกอบกับมาตรการการท่องเทีี่ยวปีหน้ามีแนวโน้มที่ดีมากขึ้นกว่าปีนี้ แม้ว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นมาเล็กน้อย แต่ว่ายังถือว่าอ่อนค่าอยู่เมื่อเทียบกับต้นปี ซึ่งน่าจะได้รับอานิสงส์ด้วย จึงเป็นอีกหนึ่งธีมที่น่าลงทุน

บดินทร์ ให้ข้อมูลต่อไปว่า สำหรับนักลงทุนมือใหม่แนะนำการลงทุนในกองทุน RMF แม้จะเป็นการลงทุนระยะยาวที่มีการล็อกเงินการลงทุนเอาไว้ในทุก ๆ ปี และจะขายคืนได้ต่อเมื่ออายุ 55 ปี ฉะนั้นนักลงทุนสามารถวางแผนเงินลงทุนในช่วงการเกษียณอายุได้ 

โดยการวางแผนเกษียณอายุที่ดีจะมีองค์ประกอบ 1.เงินลงทุน 2. ผลตอบแทน และ 3.ระยะเวลา เพราะฉะนั้นหากเงินลงทุนมีไม่มากพอ นักลงทุนจะต้องมีระยะเวลาที่มากในการลงทุน กับผลตอบแทนที่สูงเพื่อให้เงินได้ทำงาน 

“ยิ่งเราเริ่มออมก่อน และเริ่มลงทุนก่อนจะทำให้เรานั้นมีระยะเวลาให้เงินได้ทำงานเกิดการทบต้น และเมื่อเราออมก่อนแน่นอนเราไม่ต้องไปกังวลกับความเสี่ยงมาก มีความปลอดภัยมากกว่า เพราะจำนวนเงินที่เราออมต่อเดือนหรือต่อปีไม่เยอะ เพราะไม่ต้องไปเร่งเก็บหาผลตอบแทนเยอะ ๆ เพราะเราจะได้รับผลตอบแทนในช่วงเกษียณ” 

สำหรับคนรุ่นใหม่ที่มีเงินเดือนน้อย หากมีรายได้เข้ามาควรวางแผนหักออกมาออมก่อนอย่างน้อย 10% เพราะเชื่อว่า ไม่น่าจะกระทบค่าใช้จ่ายในการดำเนินชีวิตประจำ หลังจากนั้นเมื่อจ่ายในค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ไปแล้ว และมีสภาพคล่องที่เหลือเพียงพออาจจะนำเงินที่เหลือนั้นเข้าไปลงทุนเพิ่มเติมได้ เพราะจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้การวางแผนเกษียณอายุมีความสำเร็จที่เร็วขึ้น 

นอกจากนี้กองทุน RMF นอกจากจะได้ประโชน์สิทธิลดหย่อนทางภาษี รวมถึงประโยชน์ของการออมเงินระยะยาวแล้ว หากดูเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ ณ ปัจจุบันค่อนข้างผันผวน ฉะนั้นการออมเงินเพื่อการเกษียณอายุ เราจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่า ความมั่นคงในหน้าที่การงานจะมีมากน้อยขนาดไหน หรือต้องเกษียณอายุ กองทุน RMF ในเงินก้อนนี้ที่ลงทุนจะสามารถช่วยเราได้ 

ขณะที่เงินเฟ้อปัจจุบันเกิน 2% ไปแล้ว ฉะนั้นมูลค่าเงินลงทุนในกองทุน RMF จะช่วยปกป้องมูลค่าของเงินไม่ถูกลดลงจากเงินเฟ้อ ฉะนั้นจึงอยากฝากให้นักลงทุนมือใหม่หรือนักลงทุนที่เพิ่งเริ่มเข้ามาลงทุนจะได้ประโยชน์ค่อนข้างมาก เพราะในนักลงทุนส่วนใหญ่มือใหม่ส่วนใหญ่จะฝากออมไว้ในออมทรัพย์ หรือมันนี่มาร์เก็ต ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ามีความเสี่ยงต่ำ แต่ต้องไม่ลืมว่า มูลค่าของเงินจะถูกลดลงจากเงินเฟ้อ 

อนุวัฒน์ อิ่มแสงรัตน์ รองกรรมการ ผู้อำนวยการ สายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า RMF เป็นกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เป็นการลงทุนระยะยาว ซึ่งในขณะนี้กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นไทยมีความน่าสนใจ เนื่องจาก SET INDEX ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1,400 จุด ซึ่งคาดว่าในปีหน้าตลาดหุ้นไทยจะมีการฟื้นตัว 

“การลงทุนในหุ้นไทยในระยะยาว ซึ่งปีหน้าจะมีการใช้งบประมาณภาครัฐฯ เต็มปี ฉะนั้นเชื่อว่า การฟื้นตัวการท่องเที่ยว การใช้จ่ายของผู้บริโภคจะดีขึ้น” 

แนะนำนักลงทุนคนรุ่นใหม่ หากยังมีเงินเดือนที่ไม่มากพอสามารถลงทุนแบบ DCA ที่ตัดจ่ายเป็นรายเดือน อาจจะเดือนละ 1,000 บาท หรือ 500 บาท เพราะกองทุน RMF ส่วนใหญ่จะไม่มีขั้นต่ำ ผู้ลงทุนสามารถซื้อแบบบัญชีตัดอัตโนมัติได้ และค่อย ๆ ทยอยลงทุน หรือช่วงนี้อาจจะเป็นช่วงปลายปีแล้ว ผู้ลงทุนบางรายอาจจะยังไม่เคยลงทุนในกองทุน RMF เลย ปีนี้อาจจะลงทุนเป็นเงินก้อนไปก่อน เพื่อให้ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย และในปีหน้าค่อยวางแผนทยอยลงทุนแบบ DCA 

ทั้งนี้บริษัท มีกองทุนที่แนะนำจะเป็นกองทุนเปิด แอล เอช เฟล็กซิเบิ้ลเพื่อการเลี้ยงชีพ (LHFLRMF)  กองทุนนี้ได้มอนิ่งสตาร์ 5 ดาว นอกจากจะสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ยังให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว โดยกองทุนดังกล่าวเหมาะกับนักลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดา

 "กรุงเทพธุรกิจ" ได้สำรวจกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) หรือ Retirement Mutual Fund  ตั้งแต่ต้นปี 2566 ข้อมูลจาก morningstarthailand พบว่า มี 10 กองทุน ที่สามารถให้ผลตอบแทนสูงตั้งแต่ 23 -70%

เจาะ 10 กองทุน RMF ลดหย่อนภาษี ให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 66 สูงสุด 70%

1.กองทุนเปิด แอสเซทพลัส ดิจิทัล บล็อกเชน เพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ ASP-DIGIBLOCRMF ให้ผลตอบแทน YTD 74.77%

2.กองทุนเปิด MEGA 10 เพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ MEGA10RMF ให้ผลตอบแทน YTD 45.06%

3.กองทุนเปิด ทิสโก้ Next Generation Internet เพื่อการเลี้ยงชีพ ชนิดผู้ลงทุนทั่วไป หรือ TNEXTGENRMF-A ให้ผลตอบแทน YTD 40.97%

4.กองทุนเปิด ทิสโก้ เทคโนโลยี อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ ชนิดผู้ลงทุนทั่วไป หรือ TTECHRMF-A ให้ผลตอบแทน YTD 34.88%

5.กองทุนเปิดเคเคพี EXPANDED TECH เพื่อการเลี้ยงชีพ - HEDGED หรือ KKP TECH RMF-H ให้ผลตอบแทน YTD 34.78%

6.กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลเทคโนโลยีอิควิตี้เพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ KFGTECHRMF ให้ผลตอบแทน YTD 33.76%

7.กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นยูเอส เอ็นดีคิว เพื่อการเลี้ยงชีพ (ชนิดสะสมมูลค่า) หรือ SCBRMNDQ(A) ให้ผลตอบแทน YTD 32.16%

8.กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นญี่ปุ่น เพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ SCBRMJP ให้ผลตอบแทน YTD 24.68%

9.กองทุนเปิด ทิสโก้ เจแปน อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ TJPRMF ให้ผลตอบแทน YTD 23.43%

10.กองทุนเปิดเค ยูเอสเอ หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ KUSARMF ให้ผลตอบแทน YTD 23.40%