วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Rebound

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Rebound

วันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหว sideway +,- ราว 7 จุด และดัชนียืนแดนบวกในช่วงบ่าย มีแรงซื้อเด่นในหุ้น DELTA +5.00 (+6.56%) ซึ่งส่งผลต่อดัชนีราว 5 จุด หลังจากรายงานงบออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด แต่มีแรงขายมากในหุ้นกลุ่มพลังงาน รวมถึงกลุ่มโรงไฟฟ้า

นักลงทุนจับตาการประชุมเฟด ช่วงกลางสัปดาห์ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,395.85 จุด +7.62 จุด +0.55% มูลค่าการซื้อขาย 36,755 ลบ. ต่างชาติ -750.55 ลบ. TFEX +12,892 สัญญา ตราสารหนี้ +724.29 ลบ.
 

ปัจจัยบวก    

+ ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 511.37 จุด หรือ +1.58% ได้แรงหนุนจากมุมมองบวกเกี่ยวกับผลประกอบการของบจ.และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้
+ ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 98.6% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.
+ กระทรวงพาณิชย์เตรียมเสนอครม.อนุมัติงบ 6.98 หมื่นล้านบาท ดูแลข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ด้านชาวนาเรียกร้องรัฐตั้งกองทุนเพื่อการเกษตรและกองทุนสวัสดิการชาวนาเป็นหลักประกันชีวิตชาวนา
+ กกร.นำน้ำตาลทรายเข้าบัญชีสินค้าควบคุม กำหนดราคาขายหน้าโรงงาน 19 บาท /ก.ก. สำหรับน้ำตาลทรายขาว และ 20 บาท/ก.ก.สำหรับน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ ส่วนราคาอยู่ที่โลละ 24 บาท และ 25 บาท คุมเข้มส่งออกเกิน 1,000 กก. ต้องขออนุญาต เสนอครม. 31 ต.ค.ก่อนประกาศลงราชกิจจานุเบกษาบังคับใช้ทันที

ปัจจัยลบ 

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 3.23 ดอลลาร์ หรือ -3.78% ปิดที่ 82.31 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากนักลงทุนประเมินสถานการณ์ล่าสุดว่าสงครามระหว่างอิสราเอลและกาซาอาจจะไม่ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตะวันออกกลาง
- เจ้าหน้าที่สหรัฐเปิดเผยว่าการเจรจาเพื่อให้กลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันได้หยุดชะงักเนื่องจากอิสราเอลปฏิเสธการส่งเชื้อเพลิงเข้าไปในฉนวนกาซา รวมทั้งการที่ฮามาสไม่รับประกันว่าจะมีการปล่อยตัวประกันต่างชาติจำนวนมาก
 

- มีความเป็นไปได้ที่ BOJ จะพิจารณาการปรับเพดานอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปีขึ้นสู่ระดับสูงกว่า 1% เป็นการชั่วคราวโดยจะดำเนินการผ่านทางการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลในอัตราดอกเบี้ยคงที่ ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันที่มีต่อค่าเงินเยนที่ร่วงลงอย่างหนัก
- ธปท. เปิดเผยว่าค่าเงินบาทหากนับจากต้นปีจนถึงปัจจุบันประเทศไทยมีเงินไหลออกจากตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรสุทธิ 8,400 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 3 แสนล้านบาท สวนทางกับประเทศอื่นที่ปีนี้มีเงินไหลเข้าอย่างเกาหลีใต้ มาเลเซีย อินเดีย อินโดนีเซีย สะท้อนว่ามีความกังวล

แนวโน้มตลาดวันนี้  

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาส Rebound ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมีแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่าเฟด มีโอกาสคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงแรงยังกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานคาดกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,390-1,410 จุด

กลยุทธ์การลงทุน  

• หุ้นเด่น IAA : ADVANC AOT BDMS CPALL TOP
• น้ำมันขึ้นจากสงคราม : PTTEP SPRC BCP ESSO
• งบ 3Q23 ออกมาดีกว่าตลาดคาด : KBANK BBL KTB TTB
• ส่งออกเดือน ก.ย. ขยายตัว : KSL KBS BRR XO PDJ
• คาดงบ 3Q23 ดี : XO SPA

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

NAM <CONSUMER/SET> ราคา IPO 7.70 บาท
ราคาเหมาะสม 9.70-10.00 บาท

•ประกอบธุรกิจ ผลิต นำเข้า และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับการทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงผลิตภัณฑ์สิ้นเปลืองทางการแพทย์ และให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้องแบบครบวงจร โดยมีสัดส่วนรายได้ปี 65 ที่ 62.5% 19.6% และ 17.7% ตามลำดับ

•บริษัทมีรายได้และกำไรสุทธิปี 63-65 อยู่ที่ 677-1,099 ลบ. และ 110-176 ลบ. ตามลำดับ โดยคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย CAGR ตลอด 3 ปีที่ 27% และ 27% ต่อปีตามลำดับ ขณะที่รายได้และกำไร 6M66 เติบโต 16%YoY และ 82%YoY สู่ 246 ลบ. และ 92 ลบ. ตามลำดับ

•จำนวนรวมไม่เกิน 181,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 25.86 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ โดยแบ่งเป็น 1)หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัท จำนวนไม่เกิน 105,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 15.00 ของจำนวนหุ้นที่ออกและเสนอขายภายหลังการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนในครั้งนี้ และ 2) หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย WAI Global Corporation Limited จำนวนไม่เกิน 76,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 10.86 ของจำนวนหุ้นที่ออกและเสนอขายภายหลังการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนในครั้งนี้ โดยราคา IPO ที่ 7.70 บาทคิดเป็น trailing P/E 20.8 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 29.9 เท่า (PE Ratio BIZ 16.8 SMD 7.7 TM 65.8 และ WINMED 29.4)

•การระดมทุนเพื่อ 1. โครงการขยายโรงงานแห่งใหม่ 2.โครงการลงทุนพัฒนาศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องมือทางการแพทย์ 3. โครงการลงทุนหรือร่วมลงทุนในบริษัทอื่นที่ประกอบธุรกิจเครื่องมือทางการแพทย์ หรือมีนวัตกรรมที่ส่งเสริมการประกอบธุรกิจของบริษัท และ 4.เงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

หุ้นมีข่าว

(-) TRUE-DTAC (Bloomberg consensus 8.60 , - บาท) ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น ให้รับคำฟ้องคดีที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่มีมติการรวมธุรกิจระหว่างบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) และบมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) ตามที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคอุทธรณ์ เพราะเห็นว่าการฟ้องคดีนี้จะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม เพราะบริการโทรคมนาคมป็นบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานที่มีผลต่อการดำรงชีวิตของประชาชน และด้วยข้อจำกัดเกี่ยวกับปริมาณคลื่นความถี่ที่มีจำนวนจำกัด อีกทั้งการลงทุนในการประกอบกิจการต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก (ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์)

ความเห็น : ประเด็นดังกล่าวเป็น Sentiment เชิงลบกับ TRUE ซึ่งจะกลับมามี Overhang อีกครั้ง ขณะที่ผลประกอบการในปี 66 คาดจะยังขาดทุนสุทธิ และยังเกิด Synergy ได้อย่างเต็มที่ ในส่วนของ ADVANC ก็ได้รับผลกระทบเชิงลบเช่นกัน เนื่องจากหากการควบรวมไม่สำเร็จ จะส่งผลให้การแข่งขันในอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่กลับมารุนแรงขึ้นอีกครั้ง

(+) RBF (Bloomberg consensus 12.90 บาท) ส่งสัญญาณบวกปี 2567 ชูตลาดต่างประเทศแกร่ง อินเดีย จีน เวียดนาม เติบโตสูง คาดสัดส่วนรายได้ต่างประเทศขยับขึ้น 35-40% ในช่วง 3 ปี (2567-2569) มั่นใจช่วยหนุนผลงานโต Double Digit ส่วนตลาดในประเทศ รอลุ้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหนุน ลุยเปิดโรงงานอินเดียดันยอดขาย (ที่มา ทันหุ้น)

(+) NEX (Bloomberg consensus 15.00 บาท) ผู้บริหารซื้อหุ้น 5.4 ล้านหุ้น ชูโอกาสเติบโตรถอีวี ทั้งภาครัฐ-เอกชน แย้มเจรจาและเตรียมส่งมอบรถลูกค้ากว่า 90 ราย ขณะที่ไตรมาส 4/2566 หน่วยงานรัฐเปิด TOR ทั้งรถไฟฟ้าขยะกทม.-ประมูลรถรับส่งพนักงาน กฟภ. จ่อส่งมอบรถเมล์อีวีให้ BYD อีกกว่า 1 พันคัน ยอดขายรถบรรทุกอีวีพุ่ง เป็น S-Curve (ที่มา ทันหุ้น)

(+) PRM (Bloomberg consensus 8.40 บาท) มองแนวโน้มปี 2567 ผลงานโตต่อเนื่องรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขยายตัว หนุนความต้องการเพิ่ม วางงบลงทุน 2,000-3,000 ล้านบาท เดินหน้าขยายกองเรือ 5 ล้า ด้านผลงานไตรมาส 4/2566 การขนส่งในประเทศยังขยายตัวดี ย้ำปี 2566 รายได้เติบโต 10% จากปีก่อน (ที่มา ทันหุ้น)