JUBILE รายงานกำไร 1Q66 ต่ำคาดแต่คงประมาณกำไรปี 66

JUBILE รายงานกำไร 1Q66 ต่ำคาดแต่คงประมาณกำไรปี 66

รายงานผลประกอบการ 1Q66 ที่ 69 ลบ. ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ 15% หดตัว 11%QoQ และหดตัว 21%YoY บริษัทรายงานรายได้ 407 ลบ. หดตัว 14%QoQ และลดลง 9%YoY

เนื่องจากมีการเปิดประเทศทำให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศส่งผลให้ซื้อสินค้าลดลง ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นจาก 4Q65 ที่ 48.4% สู่ 49.9% เนื่องจากบริษัทควบคุมต้นทุนและสัดส่วน Product Mix เปลี่ยนแปลง ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เป็นตัวเงินลดลงจาก 134.2 ลบ. ใน 4Q65 เหลือ 118.7 ลบ. เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมการตลาด อีเวนท์ และค่าธรรมเนียมธนาคารลดลง ส่งผลให้รายงานกำไร 1Q66 ที่ 69 ลบ. หดตัว 11%QoQ และหดตัว 21%YoY และคิดเป็น 19% ของประมาณการ
 

-  ปี 66 ผู้บริหารเตรียมปรับปรุงสาขาเดิม 10 สาขาเพื่อเพิ่มยอดขาย : ปัจจุบันบริษัทมีสาขาทั่วประเทศ 131 สาขา โดยมีแผนเปิดสาขาใหม่เพิ่ม 1 สาขาใน 1Q66 และมีแผนปรับปรุงสาขาเดิมอีก 7 สาขาเพื่อขยายพื้นที่เพิ่มจากขนาดเล็กถึงกลางเป็นขนาดใหญ่เพื่อรองรับอุปสงค์ของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น โดยในปี 1Q66 ได้มีการปรับปรุงไปแล้ว 3 สาขาที่เอ็มโพเรียม เซ็นทรัลเวสเกท และเซ็นทรัลอุดรธานี เพื่อขยายพื้นที่จากเคาเตอร์เป็นร้านค้า ซึ่งทางบริษัทคาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายได้ราว 20-30%ต่อสาขา ทั้งนี้ บริษัทมุ่งเน้นปรับปรุงสาขาที่มีกำลังซื้อเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่สูงขึ้น

 


 

-  คงประมาณการรายได้และกำไรปี 66 เติบโต 7%YoY และ 13%YoY ตามลำดับ : เราคงประมาณการรายได้ที่ 1.91 พันลบ. เติบโต 7%YoY เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวตามการเปิดรับนักท่องเที่ยวและการปรับปรุงสาขาให้เป็นขนาดใหญ่ราว 10 สาขาช่วยหนุนรายได้ให้เพิ่มขึ้น (ปรับปรุงไปแล้ว 3 สาขา) ขณะที่เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะทรงตัวที่ระดับ 50% เนื่องจากการบริหารต้นทุนและ Product Mix ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยใน 2Q66 จะมีการจัดงานใหญ่ Mid Year Sales เป็นปัจจัยหนุนต่อรายได้และผลประกอบการ ทั้งนี้ เราคงประมาณการกำไรปี 66 ที่ 356 ลบ. เติบโต 13%YoY 

-  คงคำแนะนำ “ซื้อ” พร้อมคงราคาเหมาะสม 29.50 บาท : ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเหมาะสมด้วยวิธี PE Ratio โดยอิงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปีได้ Prospective P/E ที่ระดับ 14.4 เท่า และคงคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 66 ที่ 2.04 บาทต่อหุ้น ได้ราคาเหมาะสม 29.50 บาท ซึ่งราคาเหมาะสมที่ประเมินได้สูงกว่าราคาปิดล่าสุดจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยคาดหวังอัตราผลตอบแทนเงินปันผล 3.2%ต่อปี (บริษัทปรับลด Payout ratio จาก 60% เหลือ 40% ตั้งแต่ปี 63 เพื่อสำรองสภาพคล่องในภาวะ COVID-19 โดยในอนาคตมีโอกาสปรับเพิ่ม Payout ratio สู่ 60%)
 

ความเสี่ยง : เศรษฐกิจชะลอตัวทำให้กำลังซื้อลดลง
                  : เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องกดดันต้นทุนการผลิต