'ดิจิทัลวอลเล็ต'ฝ่าด่าน ครม. 'สหภาพธ.ก.ส.'ห่วงสภาพคล่อง-แผนรัฐบาลชำระคืน

'ดิจิทัลวอลเล็ต'ฝ่าด่าน ครม. 'สหภาพธ.ก.ส.'ห่วงสภาพคล่อง-แผนรัฐบาลชำระคืน

“เศรษฐา” หารือหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ทำความเข้าใจดิจิทัลวอลเล็ต ก่อนเสนอ ครม.ยืนยันทุกพรรคพร้อมสนับสนุน เตรียมส่งกฤษฎีกาตีความใช้เงิน ธ.ก.ส.แจกเกษตรกร 1.7 แสนล้าน “สหภาพ” ทวงถามแผนชำระคืนของรัฐบาล ‘หอการค้า’ แนะแจกเงินดิจิทัลผ่าน “เป๋าตัง”

KEY

POINTS

  • ผลการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตจะเข้าสู่ที่ประชุม ครม.วันนี้ โดยมีส่วนสำคัญในส่วนการดำเนินโครงการและแหล่งเงิน โดยนายกรัฐมนตรีได้นัดพรรคร่วมมาทำความเข้าใจแล้ววานนี้ 
  • พรรคร่วมรัฐบาลออกมาให้การสนับสนุน ขณะที่สหภาพ ธ.ก.ส.ยื่นหนังสือถึงกระทรวงการคลังขอความชัดเจนใน 5 เรื่อง และขอให้เสนอคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ
  • หอการค้าฯเสนอให้รัฐบาลใช้แอปฯเป๋าตังแทนซุปเปอร์แอปที่จะทำให้เพื่อไม่ให้โครงการล่าช้า หรือสะดุด 

 

“เศรษฐา” หารือหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ทำความเข้าใจดิจิทัลวอลเล็ต ก่อนเสนอ ครม.ยืนยันทุกพรรคพร้อมสนับสนุน เตรียมส่งกฤษฎีกาตีความใช้เงิน ธ.ก.ส.แจกเกษตรกร 1.7 แสนล้าน “สหภาพ” ทวงถามแผนชำระคืนของรัฐบาล ‘หอการค้า’ แนะแจกเงินดิจิทัลผ่าน “เป๋าตัง”

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เชิญพรรคร่วมรัฐบาลหารือประเด็นนโยบายการแจกเงินดิจิทัลที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 เม.ย.2567 ก่อนที่กระทรวงการคลังจะเสนอผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน10,000 บาท ผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบในวันที่ 23 เม.ย.2567

สำหรับรายละเอียดที่จะเสนอ ครม.ครั้งนี้ จะระบุถึงการดำเนินการที่แจกเงินดิจิทัลให้ผู้มีอายุ 16 ปี ขึ้นไป รวม 50 ล้านคน วงเงินรวม 500,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มแจกในไตรมาส 4 ปี 2567

ทั้งนี้ ที่มาของแหล่งเงินมาจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567จำนวน175,000 ล้านบาท รวมถึงมาจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 จำนวน 152,700 ล้านบาท และก้อนสุดท้ายมาจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 172,300 ล้านบาท ก้อนนี้ใช้แจกเกษตรกร 17 ล้านคน

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล เป็นแนวปฏิบัติที่ตกลงกันว่ากรณีมีนโยบายที่เกี่ยวข้องร่วมกันจะต้องหารือกับหัวหน้าพรรคทุกพรรค เพื่อให้เข้าใจประเด็นร่วมกันจะได้มีส่วนแก้ไขปัญหาร่วมกัน

สำหรับการประชุม ครม.วันที่ 23 เม.ย.2567 จะหารือรายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งเงินที่ได้รับการยืนยันว่าถูกต้องตามกฎหมาย และเมื่อประชุม ครม.เรียบร้อยจะมีการแถลงให้ชัดเจน

สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการจะมีการหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลัง โดยขณะนี้รายชื่อนิติบุคคลของกระทรวงพาณิชย์อยู่ที่ 900,000 ราย และยังมีบุคคลธรรมดาอีกหลายส่วน ซึ่งจะจัดให้มีการลงทะเบียนและรัฐบาลเชื่อว่ามีผู้สนใจมากทั้งนิติบุคคล ร้านค้าและบุคคลธรรมดา 

“อย่ามองเพียงแค่ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือบางส่วนที่มีอยู่ เราแค่เปิดทางให้มีการใช้เงินภายในอำเภอ ได้อย่างสะดวกเต็มที่ ให้ราษฎรได้ใช้เงินและเกิดการหมุนเวียน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยืนยันไม่มีปัญหา” นายภูมิธรรม กล่าว

นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่า นโยบายเงินดิจิทัลมีการหารือกันเรียบร้อย โดยถ้าทำถูกต้องตามกฎหมายก็ทำได้ เพราะดิจิทัลวอลเล็ตถือเป็นนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ พรรคร่วมรัฐบาลต้องช่วยกันสนับสนุน 

“แต่ละพรรคมีนโยบายทุกพรรค ดังนั้นการสนับสนุนนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาล การขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จจะรวดเร็ว” นายอนุทิน กล่าว

พรรคร่วมรัฐบาลหนุนเงินดิจิทัล

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า การประชุมร่วมกันระหว่างนายกรัฐมนตรีและพรรคร่วมรัฐบาลได้สอบถามประเด็นที่เกี่ยวข้องที่ประชาชนสนใจ และมีข้อเสนอจากองค์กรอิสระ ซึ่งมีการยืนยันการดำเนินโครงการเป็นไปตามกฎหมาย

รวมทั้งโครงการนี้จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นหลังจากจีดีพีตกต่ำมากอยู่ที่ 2% อยู่อันดับที่ 9 ของอาเซียน ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มจีดีพีได้ รวมทั้งเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชน 50 ล้านคน ในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี รวมทั้งมีร้านค้าหลายแสนรายที่จะได้ประโยชน์จากการค้าขาย ซึ่งโครงการจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย

“ดิจิทัลวอลเล็ต มีพื้นฐานจากนโยบายของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาลที่เป็นรัฐบาลผสมจากหลายพรรคการเมือง ฉะนั้นทุกพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาลที่ได้ร่วมประชุมครั้งนี้ จึงมีโอกาสรับฟังและสอบถามข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และทุกพรรคสนับสนุนนโยบายรัฐบาล”นายสุวัจน์ กล่าว

สหภาพ ธ.ก.ส.ห่วงใช้เงินคืนธนาคาร

การให้สภาพคล่องของ ธ.ก.ส. จ่ายเงินดิจิทัลทำให้เกิดความเคลื่อนไหวขากสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ธ.ก.ส.ออกแถลงการณ์แสดงความเป็นห่วงการใช้เงินจากธนาคารไปแจกดิจิทัลวอลเล็ต และได้ส่งเรื่องนี้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา ได้แก่ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

นายศุภชัย วงศ์เวคิน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ธ.ก.ส.เดินทางเข้าพบและยื่นหนังสือต่อนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 22 เม.ย.2567 โดยมีประเด็นสำคัญ 5 ประเด็น ได้แก่ 

1.การใช้เงินดังกล่าวถูกกฎหมายหรือไม่

2.ต้องพิจารณาผ่านคณะรัฐมนตรี

3.สภาพคล่องส่วนเกินของ ธ.ก.ส.จะมีเพียงพอนำไปใช้ในโครงการหรือไม่

4.รัฐบาลมีแผนตั้งงบประมาณชำระคืนอย่างไร

5.รัฐบาลจะมีการชดเชยต้นทุนค่าดำเนินงานให้ ธ.ก.ส.อย่างไร

ทั้งนี้ปัจจุบัน ธ.ก.ส.เป็นแหล่งทุนที่รัฐบาลนำไปใช้หลายโครงการ ซึ่งเข้าข่ายมาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง โดยมีเงินคงค้างที่รัฐบาลต้องชำระคืน ธ.ก.ส.วงเงิน 6 แสนล้านบาท ซึ่งทยอยจ่ายคืนปีละ 10-12% ของเงินต้นคงค้าง หรือ 6-9 หมื่นล้านบาท ซึ่งนำมาเป็นสภาพคล่อง ธ.ก.ส.เพื่อใช้ดำเนินการของธนาคาร

“เรื่องสำคัญที่สุด คือ ข้อที่ 1 เรื่องของความถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งหาก กฤษฎีกา ตีความว่าทำได้ ทำแล้วไม่ผิด ก็ว่าไปตามนั้น ทางสหภาพ ไม่ได้ติดขัดเรื่องใด ถ้าถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนรายละเอียดเรื่อง สภาพคล่อง การชดเชยจากรัฐบาล รวมถึง กลุ่มที่จะแจกต้องเป็นเกษตรกรหรือไม่นั้น ก็คงให้คณะกรรมการชี้แจงเป็นลำดับถัดไป” นายศุภชัยกล่าว

ส่งกฤษฎีกาตีความใช้เงิน ธ.ก.ส.

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า โครงการนี้ดำเนินการตามกฎหมาย โดยนายกรัฐมนตรียืนยันว่าจะส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกา ตีความว่าทำได้หรือไม่ รวมถึงเสนอ ครม.วันที่ 23 เม.ย.2567 เพื่อให้พิจารณา

สำหรับการใช้เงิน ธ.ก.ส.ดำเนินการได้รับการชี้แจงว่าเป็นการใช้เงินตาม มาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ.2561 ที่เคยใช้ในโครงการประกันรายได้เกษตรกร ซึ่งไม่เกี่ยวกับ มาตรา 9(3) แห่ง พ.ร.บ.ธนาคารเพื่อการเกษตรฯ ดังนั้นจึงไม่ใช่การที่รัฐบาลกู้เงินจาก ธ.ก.ส.แต่เป็นใช้วิธีการทางงบประมาณ ส่วนรายละเอียดอื่นต้องรอทางคณะกรรมการโครงการดิจิทัลชี้แจง

หอการค้าแนะใช้แอปเป๋าตังค์

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หอการค้าไทยมีข้อเสนอเกี่ยวกับนโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท 3 ประเด็น คือ

1.ดำเนินการของ Digital Wallet ที่เลื่อนไปไตรมาส 4 หอการค้าไทยมองว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฟื้นตัวช้าไป ซึ่งหากเป็นไปได้ อยากจะให้มีเร่งจัดสรรงบประมาณปี 2567 โดยจัดสรรให้เฉพาะกลุ่มเปราะบางที่เดือดร้อนก่อน แล้วค่อยให้กลุ่มที่เดือดร้อนน้อยที่เหลือตามมาจะช่วยเร่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยมากกว่าการรอไตรมาส 4

2.การจัดทำ Appication ใหม่ (Super App) ส่วนนี้หอการค้าเคยเสนอใช้ App เป๋าตัง เพราะประชาชนคุ้นเคย ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่าเข้าถึงประชาชนได้และทำได้เร็ว หากนำ super app มาใช้จะทำให้เกิดความยุ่งยากกับประชาชนและอาจจะเกิดความล่าช้า เพราะต้องไปทั้งเขียนและทดสอบระบบใหม่

3.ประเด็นเงินหมุนเวียนในจังหวัด ที่ต้องใช้ร้านค้าที่ลงทะเบียน ส่วนนี้อยากให้รัฐบาลเปิดโอกาสและมีมาตรการจูงใจให้ร้านค้าที่ยังไม่เข้าระบบภาษีได้เข้ามาเป็นทางเลือกให้ประชาชน เพราะกลุ่มนี้อาจจะกังวลเรื่องภาษีก็จะทำให้โครงการนี้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

อย่างไรก็ตาม โครงการ Digital Wallet จะประสบผลสำเร็จและมีความสัมฤทธิ์ผลมากอยู่ที่ดำเนินการได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี การใช้เงินในพื้นที่จะเกิดการหมุนเวียนเร็วและหลายรอบ นอกจากนี้ รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการลดต้นทุนผู้ประกอบการและประชาชน เสริมด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น ๆ ควบคู่กันไปเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยเดินฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

ห่วงซุปเปอร์แอปล่มฉุดเศรษฐกิจ

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การใช้ Super App แทนเป๋าตัง มองว่าเมื่อรัฐบาลต้องการให้เงินลงไปกระตุ้นเศรษฐกิจเร็ว App เป๋าตังก็พิสูจน์มาแล้วปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้ก็ถูกแก้ไขจนใช้ได้ดี ซึ่งหากจะใช้ App เป๋าตัง จะมีความคลอบคลุมและไม่มีข้อผิดพลาดหรือผิดพลาดน้อย เพียงแต่ปรับข้อมูลเพิ่ม เช่น พื้นที่การใช้เงินก็สามารถใช้ได้เลย

แต่หากใช้ Super App จะต้องทดสอบ รอความเสถียรของ Super App ก่อน หากนำไปใช้แล้วเกิดความผิดพลาดจะให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจช้าไปด้วย นอกจากนี้การที่รัฐบาลต้องการให้ประชาชนรู้จักเงินคริปโทเคอร์เรนซีก็ไม่น่าจะใช้แหตุผล การใช้ App ที่เคยใช้มาแล้วน่าจะทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงมากกว่า

รวมทั้งยังไม่แน่ชัดว่าเงินดิจิทัลจะดำเนินการได้ในไตรมาส 4 จริงหรือไม่ วงเงินจะเป็นเท่าไร และยังจะต้องตีความการใช้เงิน ธ.ก.ส.ตามมาตรา 28 อีกหรือไม่ ซึ่งหากมีการใช้เงินเต็มวงเงิน วงเงิน 5 แสนล้านบาทก็จะกระตุ้นจีดีพีได้ 1.5 % และจะทำให้จีดีพีไทยขยายตัวได้ 3% ตามที่รัฐบาลวางเป้าหมายไว้

อย่างไรก็ตามขณะนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งพื้นฐานเศรษฐกิจของไทยจากการสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคและความเชื่อมั่นหอการค้าไทยเห็นตรงกันว่า กำลังซื้อประชาชนแผ่วลง แม้สงกรานต์จะคึกคักก็ตาม และราคาพืชผลทางการเกษตรจะดีแต่เงินก็อยู่ในมือเกษตรกรไม่มาก