‘กฤษฎีกา’ แจงรัฐใช้เงิน ‘ธกส.‘ทำดิจิทัลวอลเล็ต ตามมาตรา 28 ไม่ใช่การกู้เงิน

‘กฤษฎีกา’ แจงรัฐใช้เงิน ‘ธกส.‘ทำดิจิทัลวอลเล็ต ตามมาตรา 28 ไม่ใช่การกู้เงิน

‘เลขากฤษฎีกา’ เผยมติที่ประชุมดิจิทัลวอลเล็ต เสนอใช้มาตรา 28 ดําเนินโครงการ ไม่ใช่การกู้เงิน ธกส. ระบุอำนาจรัฐสามารถดำเนินการได้  ปัดตอบ ใช้แหล่งเงินอื่น ชี้ต้องให้กระทรวงการคลังตัดสิน ชี้ขั้นตอนต้องเสนอโครงการเข้าบอร์ด ธกส.ก่อนส่งมา ครม.กฤษฎีกาพร้อมให้ความเห็น

 

วันนี้ (18 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เปิดเผยถึงกรณีที่รัฐบาลใช้แหล่งเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.)มาเป็นแหล่งเงินในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต วงเงิน 172,300 ล้านบาท สำหรับเกษตรกรกว่า 17 ล้านคนเศษว่าในเรื่องนี้

สิ่งที่คณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตที่ได้พูดคุยกันในการประชุมที่ผ่านมา คือเรื่องแหล่งเงิน โดยจะใช้งบประมาณปี’67 และปี’68 อีกส่วนหนึ่งคือดําเนินโครงการตามมาตรา 28 ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลัง พ.ศ. 2561  ซึ่ง เป็นไปตามวัตถุประสงค์ โดยที่ประชุมไม่มีการพูดถึงเรื่องการใช้เงินกู้แต่อย่างไร ทั้งนี้ในเรื่องของการทำโครงการที่จะเสนอเข้า ครม.

‘กฤษฎีกา’ แจงรัฐใช้เงิน ‘ธกส.‘ทำดิจิทัลวอลเล็ต ตามมาตรา 28 ไม่ใช่การกู้เงิน

ทั้งนี้ เวลาที่จะทำโครงการตามมาตรา 28 ต้องกำหนดรายละเอียด และนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งขณะนี้ยังไม่มี ตนจึงไม่แน่ใจว่ากระแสข่าวที่จะกู้เงินจาก ธ.ก.ส.มาจากไหน ยืนยันว่าในที่ประชุมไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ เป็นการพูดกันเองของสื่อหลังจากมีแถลงข่าว

 

เมื่อถามว่า แหล่งเงินจํานวน 170,000 ล้านบาท จะนำมาจากไหน นายปกรณ์กล่าวว่า เป็นข้อเสนอของฝ่ายเลขานุการของโครงการ คือจะดำเนินการตามมาตรา 28 เพียงแค่นั้น ซึ่งโดยหลักการทำได้ แต่ต้องทำรายละเอียดเพื่อเสนออีกครั้ง อย่างโครงการโคแสนล้านตัว ที่ต้องเขียนรายละเอียดโครงการให้ชัดเจนมาก่อน จึงจะสามารถดำเนินการได้ในขั้นตอนต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า การใช้เงินตามมาตรา 28 กับการใช้เงิน ธ.ก.ส. เป็นเรื่องเดียวกันหรือไม่ นายปกรณ์กล่าวว่า คนละเรื่อง แต่หากใช้เงินของ ธ.ก.ส.จะต้องผ่านมติบอร์ดของ ธ.ก.ส. ซึ่งจะต้องพิจารณาตามกรอบมาตรา 27 และ 28

เมื่อถามว่า หากไม่ใช้เงินจาก ธ.ก.ส. จะใช้เงินจากช่องทางอื่นได้อีกหรือไม่ นายปกรณ์กล่าวว่า ไม่ทราบว่ากระทรวงการคลังจะคิดอย่างไร เพราะเป็นผู้คิดโครงการนี้

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า การใช้มาตรา 28 กับเงิน ธ.ก.ส. จะมีวิธีการตรวจสอบอย่างไร ให้เงินไปถึงกลุ่มอาชีพเกษตรกรอย่างเดียว นายปกรณ์กล่าวว่า เป็นรายละเอียดที่กระทรวงการคลังต้องไปดู ทั้งนี้ ในวันที่มีการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ได้มีการพูดถึงรายละเอียดเลย หารือแค่เฉพาะหลักการ ว่าแหล่งเงินจะมาจากไหน

เมื่อถามว่า ทางสหภาพ ธ.ก.ส.ต้องการให้กฤษฎีกา ชี้แนะข้อกฎหมายของ พ.ร.บ. ธ.ก.ส. จะสามารถทำได้หรือไม่ นายปกรณ์กล่าวว่า จะแยกส่งให้กฤษฎีกา หรือจะส่งพร้อมกับความเห็นของ ครม.ก็ได้ เพราะขั้นตอนการหารือของกฤษฎีกาจะมี 2 แบบ 1.เข้า ครม. คณะกรรมการกฤษฎีกาจะให้ความเห็นประกอบการประชุม ครม. หรือ 2.การหารือโดยตรงกับกฤษฎีกา โดยผ่านหน่วยงานที่รับผิดชอบ ว่ามีปัญหาประเด็นข้อกฎหมายตรงไหน ซึ่งเป็นไปตามหลักการแก้ไขปัญหา การบริหารราชการแผ่นดิน ดังนั้นหากแก้ปัญหาภายในหน่วยงานได้ ก็ไม่จำเป็นต้องผ่านกฤษฎีกา แต่ถ้าส่งผ่านความเห็น ครม.ก็จะใช้ขั้นตอนสั้นลง

เมื่อถามว่าในฐานะเลขากฤษฎีการู้สึกหนักใจหรือไม่ที่ต้องชี้ข้อกฎหมายในเรื่องนี้ นายปกรณ์กล่าวว่าไม่ได้หนักใจในเรื่องการตีความข้อกฎหมายส่วนนี้ เพราะเป็นหน้าที่ของกฤษฎีกาอยู่แล้วที่ต้องทำให้เกิดความมั่นใจว่าการดำเนินการในโครงการต่างๆของรัฐบาลถูกต้องตามกฎหมาย