“ภูมิธรรม”ตั้งกก.ทำงานแก้ปัญหาน้ำตาล ถกนัดแรก 6 พ.ย.นี้

“ภูมิธรรม”ตั้งกก.ทำงานแก้ปัญหาน้ำตาล ถกนัดแรก 6 พ.ย.นี้

“ภูมิธรรม” สั่งตั้งคณะทำงานร่วม 4 ฝ่าย หาทางออกแก้ปัญหาอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบ ขีดเส้นจบภายใน 1 เดือนก่อนเปิด ขณะที่ชาวไร่อ้อย พอใจผลหารือ สั่งชาวไร่ทั่วประเทศ ระงับ “ปิดโรงงานน้ำตาล” 6 พ.ย.

นายภูมิธรรม เวชยชัย  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับตัวแทนชาวไร่อ้อย 4 องค์กรชาวไร่อ้อย ประกอบด้วย สหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย ชมรมสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน สหสมาคมชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย ว่า จากการหารือกระทรวงพาณิชย์ได้รับฟังความเดือดร้อน และข้อกังวลของชาวไร่ กรณีที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ได้ประกาศให้น้ำตาลทรายเป็นสินค้าควบคุม  

ที่ประชุมจึงได้เห็นชอบในการตั้งจึงได้ตั้งคณะทำงานบริหารความสมดุลในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล โดยมีนายยรรยง พวงราช ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีอธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นเลขา และมีอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงตัวแทนจากกระทรวงอุตสาหกรรมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และชาวไร่อ้อย 4 คนรวมเป็นคณะทำงานด้วย โดยให้ประชุมหาข้อสรุปแนวทางปัญหา รวมไปถึงข้อเสนอแนะการแก้ปัญหาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย  โดยให้เวลากรอบทำงานภายใน 1 เดือน ก่อนที่จะมีการเปิดหีบ หากสามารถได้ข้อสรุปเร็วก็สามารถดำเนินการได้ทันที  

สำหรับประกาศราคาควบคุมน้ำตาล ควบคุมการส่งออก ยังคงเดินหน้าต่อไป  ส่วนการหาทางออกของปัญหา เชื่อว่า  คณะทำงานชุดนี้ จะสามารถหาทางออกร่วมกัน เพื่ออุตสาหกรรมทั้งระบบ และเกิดความยั่งยืนของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล 

อย่างไรก็ดี เมื่อได้ข้อสรุปก็ให้เสนอมา รัฐบาลพร้อมที่จะรับฟังเพื่อประโยชน์ต่อทุกฝ่าย เพื่อการเติบโตของอุตสาหกรรม การสร้างรายได้เข้าประเทศ แม้กระทั่งให้นำออกจากบัญชีสินค้าควบคุมก็พร้อมทำ แต่ต้องเป็นทางออกของทุกฝ่าย และคุยให้ครบทุกฝ่าย  เร็วๆ นี้ โดยจะประชุมนัดแรกวันที่ 6 พ.ย.นี้ 

นายกำธร กิตติโชติทรัพย์ นายกสมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อยเขต 7 กาญจนบุรี   กล่าวว่า จากการหารือในวันนี้ สมาคมชาวไร่อ้อยเห็นด้วยกับการตั้งคณะทำงานร่วมขึ้นมาแก้ปัญหาระยะยาว และระหว่างนี้จะไม่มีการปิดโรงงานหรือระงับการขนน้ำตาลออกจากโรงงานในวันที่ 6 พ.ย.66  ยืนยันว่า ไทยมีน้ำตาลเพื่อการบริโภคอย่างเพียงพอ จากผู้ประกอบการกว่า 50 โรงงาน เนื่องจากมีการควบคุมการเบิกจ่ายน้ำตาลอย่างเข้มงวด และขณะนี้ยังไม่พบการลักลอบส่งออกน้ำตาล