คนไทย 60% ยังให้หมาแมวกิน ‘อาหารคน’ เนสท์เล่ ทุ่ม 6 พันล้าน เจาะตลาดอาหารสัตว์เพิ่ม

คนไทย 60% ยังให้หมาแมวกิน ‘อาหารคน’ เนสท์เล่ ทุ่ม 6 พันล้าน เจาะตลาดอาหารสัตว์เพิ่ม

ตั้งเป้าหมายส่งเสริม “กินดีอยู่ดี” ตั้งแต่คนจนถึงสัตว์เลี้ยง! “เนสท์เล่ ประเทศไทย” วางงบลงทุน 8,000 ล้าน ถึงปี 2569 กว่า 6,000 ล้าน เพื่อการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ ชี้ เทรนด์สัตว์เลี้ยงเติบโต แต่คนไทยเกินครึ่งยังดูแลไม่เก่ง 60% ให้หมาแมวกินอาหารคนด้วย

“เนสท์เล่” (Nestle’) มีโปรดักต์หลายอย่างที่ได้รับความนิยมในบ้านเรา เป็นที่รู้จักในฐานะยักษ์ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ที่สุดของโลก ครอบคลุมการจำหน่ายแทบทุกประเทศ

แม้ว่าที่ผ่านมา “เนสท์เล่” จะเติบโตจากธุรกิจอาหารคน แต่รู้หรือไม่ว่า “อาหารสัตว์เลี้ยง” เป็นอีกกลุ่มธุรกิจที่เนสท์เล่ให้ความสำคัญ สะท้อนจากงบการลงทุนตั้งแต่ปี 2564 ถึง 2569 ที่ “วิคเตอร์ เซียห์” ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า ให้ข้อมูลว่า มีการวางเงินลงทุนเพื่อขยายไลน์ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงมากถึง 6,000 ล้านบาท จากงบลงทุนทั้งหมด 8,000 ล้านบาท

ปัจจุบันพอร์ต โฟลิโอ อาหารสัตว์เลี้ยงของ “เนสท์เล่” มีทั้งหมด 6 แบรนด์ด้วยกัน ได้แก่ เพียวริน่า ฟริสกี้ส์ (Purina Friskies) เพียวริน่า อัลโป (Purina Alpo) เพียวริน่า วัน (Purina One) เพียวริน่า เฟลิกซ์ (Purina Felix) เพียวริน่า โปรแพลน (Purina Pro Plan) และเพียวริน่า ซุปเปอร์โค้ท (Purina Supercoat) โดยผู้บริหารเนสท์เล่นิยามให้ทั้งหมดเป็นอาหารสัตว์เลี้ยงแบบพรีเมียม

คนไทย 60% ยังให้หมาแมวกิน ‘อาหารคน’ เนสท์เล่ ทุ่ม 6 พันล้าน เจาะตลาดอาหารสัตว์เพิ่ม -“วิคเตอร์ เซียห์” ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า-

“วิคเตอร์ เซียห์” ฉายภาพเทรนด์ตลาดสัตว์เลี้ยงว่า ตั้งแต่ช่วงการแพร่ระบาดใหญ่เป็นต้นมา คนทำงานอยู่บ้านมากขึ้น มีเวลาใช้ชีวิตมากขึ้น ทำให้ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงเติบโตค่อนข้างมาก เมื่อมีเวลาก็อยากจะดูแลหมาแมวมากกว่าเดิม ซึ่งเทรนด์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในไทยแต่เกิดขึ้นทั่วโลก

เนสท์เล่คาดว่า ความนิยมในการเลี้ยงสัตว์จะยังดำเนินต่อไป ทำให้กลุ่มคนที่มีสัตว์เลี้ยงมีความในการดูแลเอาใจใส่สัตว์เลี้ยงให้ดีมีประสิทธิภาพมากขึ้น หลายคนเริ่มหันมาศึกษาโภชนาการสัตว์เลี้ยงอย่างจริงจัง เป็นผลดีกับตัวสัตว์เลี้ยง และแน่นอนว่า มีส่วนในการช่วยขับเคลื่อน-ต่อยอดธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงของเนสท์เล่ด้วย

นอกจากนี้ ผู้บริหารเนสท์เล่ยังได้เปิดเผยเทรนด์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับตลาดสัตว์เลี้ยงในบ้านเราด้วยว่า ปัจจุบันตลาดสัตว์เลี้ยงในไทยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆ คือกลุ่มคนที่ซื้ออาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ และกลุ่มที่ให้สัตว์เลี้ยงรับประทานอาหารแบบเดียวกับคนทั่วไป

พบว่า กลุ่มหลังมีสัดส่วนค่อนข้างสูงมากถึง 60% หลายคนยังให้สัตว์เลี้ยงกินอาหารแบบเดียวกับคน เพราะโภชนาการที่คนกับสัตว์เลี้ยงควรได้รับย่อมแตกต่างกัน ในฐานะผู้นำธุรกิจอาหารที่เติบโตมาจากอาหารคน จึงเป็นอีกโอกาสสำคัญที่เนสท์เล่จะได้เจาะตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงแบบพรีเมียมที่ถูกต้องตามหลักอย่างที่หมาแมวควรได้รับ

อย่างไรก็ตาม ภายใต้งบลงทุน 6,000 ล้านบาทนี้ จะเน้นไปที่การขยายไลน์การผลิตอาหารแมวเกรดซูเปอร์พรีเมียมชนิดเปียกและชนิดแห้ง ที่โรงงานเนสท์เล่ เพียวริน่า เพ็ทแคร์ ทั้งสองแห่ง เน้นไปที่การเพิ่มความหลากหลายของรสชาติและรูปแบบ วางกลุ่มเป้าหมายเป็นคนรักหมาแมวทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปีนั่นเอง