Temu อีกชื่อที่ควรเฝ้าติดตาม | พสุ เดชะรินทร์

Temu อีกชื่อที่ควรเฝ้าติดตาม | พสุ เดชะรินทร์

 ข่าวที่ทางอเมริกากำลังพิจารณากฎหมายเพื่อแบน TikTok หรือให้ ByteDance ขาย TikTok ในอเมริกา เป็นหนึ่งในข่าวดังไปทั่วโลก ซึ่งนอกจาก TikTok แล้วยังมีอีกสองบริษัทใหญ่จากจีนที่กำลังบุกตลาดอเมริกาอย่างหนัก

ทั้งสองบริษัทได้แก่ Shein และ Temu ซึ่งเป็นเว็บขายของออนไลน์ มีรายงานใน The Wall Street Journal ว่าอันดับหนึ่งในวงการค้าปลีกของอเมริกาอย่าง Amazon ถึงต้องเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับคู่แข่งสำคัญไปแล้ว จากคู่แข่งอเมริกันด้วยกันอย่าง Walmart และ Target เป็น Shein และ Temu

    Temu เปิดตัวในอเมริกาไปเมื่อกันยายน 2022 และเมื่อเดือนมกราคมมียอดผู้ใช้งานอยู่ที่ 51.4 ล้านคน ขณะที่ Shein อยู่ที่ 26 ล้านคน และ Amazon อยู่ที่ 67 ล้านคน 

Shein น่าจะเป็นที่คุ้นเคยเพราะมีการดำเนินงานในไทย ส่วน Temu นั้นอาจจะเป็นชื่อที่แปลกหูบ้าง

 เจ้าของ Temu คือบริษัทชื่อ PDD ซึ่งนอกจาก Temu แล้ว ยังเป็นเจ้าของแพล็ตฟอร์มขายของออนไลน์ชื่อ Pinduoduo ในประเทศจีน

ปัจจุบันสำนักงานใหญ่ของ PDD ตั้งอยู่ที่ดับลิน ไอร์แลนด์ และ PDD ก็จดทะเบียนอยู่ในตลาด NASDAQ ของอเมริกา ถึงแม้ PDD จะมีสำนักงานใหญ่และจดทะเบียนตั้งบริษัทนอกประเทศจีน แต่ก็ทราบดีว่า PDD นั้นเป็นบริษัทเชื้อชาติจีน และสินค้าบน Temu นั้นก็ผลิตและส่งตรงมาจากจีน 

    Temu มีอยู่ใน 47 ประเทศทั่วโลก โดยอเมริกาเป็นแห่งแรก  กลยุทธ์ของ Temu นั้นชัดเจนมากคือ การขายสินค้าทุกชนิด (มีตั้งแต่เสื้อผ้า ของใช้ภายในบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า ของเล่น ฯลฯ) ผ่านทางเว็บของ Temu ด้วยราคาที่ต่ำมาก

สินค้าทุกชิ้นผลิตในจีน และส่งตรงถึงมือผู้บริโภคจากประเทศจีน ผู้ที่ซื้อของทาง Temu นั้นจะต้องทำใจว่าจะได้รับสินค้าที่ช้า แต่ก็มั่นใจว่าได้สินค้าในราคาที่ถูกกว่าช่องทางและคู่แข่งอื่นๆ 
    
      นอกจากนี้ Temu ยังเน้นการทำการตลาดด้วยการโหมโฆษณาอย่างมากมาย ในอเมริกานั้น เมื่อปี 2023 Temu เป็นผู้ที่ใช้เงินโฆษณาสูงสุดบนแพลตฟอร์มของ Meta นอกจากนี้ในการแข่งขันชิงชนะเลิศอเมริกันฟุตบอลหรือซูเปอร์โบว์ที่ชาวอเมริกันรับชมกันมากที่สุดนั้น ทาง Temu ก็ได้ซื้อเวลาโฆษณาในช่วงเวลาดีๆ ไว้ถึงสามครั้งและคาดว่าจะใช้เงินไปไม่ต่ำกว่า 15 ล้านดอลลาร์

    ล่าสุด PDD บริษัทแม่ของ Temu ก็เพิ่งประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาสที่แล้ว ซึ่งก็มีทั้งรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นกว่าเดิมถึงสองเท่า และราคาหุ้นของ PDD ก็เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึงเกือบสองเท่า

และเมื่อเทียบกับคู่แข่งจากจีนอย่าง Alibaba แล้ว PDD สามารถล้มแชมป์และกลายเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซที่มีมูลค่ามากที่สุดของจีนไปเรียบร้อยแล้ว โดยอาศัย Pinduoduo บุกตลาดจีน และ Temu บุกตลาดอื่นๆ ทั่วโลก

    อย่างไรก็ดีจากความที่ Temu มาจากจีนและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้ในอเมริกา Temu ได้รับการร้องเรียนในเรื่องต่างๆ มากขึ้น ทั้งเกี่ยวกับการนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด หรือ การบริการที่ไม่ดี หรือ คุณภาพสินค้าที่ไม่ดี หรือ การใช้มัลแวร์ในการเก็บข้อมูลที่เกินกว่าที่บริษัทออนไลน์ช้อปปิ้งควรจะเก็บ เป็นต้น 

    มีการวิเคราะห์ว่า Temu แตกต่างจาก TikTok ที่ถึงแม้จะมาจากจีนทั้งคู่ แต่ก็มีความแตกต่างในตัวธุรกิจ และข้อมูลที่เก็บไป โดยข้อมูลที่ Temu ได้ไปนั้นจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับที่อยู่และประวัติการซื้อ ซึ่งไม่ลึกและกว้าง และไม่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลเหมือน TikTok

ขณะที่ Temu เป็นขายเว็บขายของ ดังนั้นย่อมยากที่จะมีอิทธิพลทางความคิดได้เหมือน TikTok ที่เป็นสื่อสังคมออนไลน์ อย่างไรก็ดีต้องติดตามต่อไปว่าเมื่อ Temu เติบโตมากขึ้นและสามารถแย่งตลาดจากยักษ์ใหญ่ของอเมริกาเองไปได้ จะเผชิญกับอุปสรรคในรูปแบบใดหรือไม่

    ในประเทศไทยนั้น Temu ยังไม่เข้ามาอย่างเป็นทางการ ถึงแม้จะมีที่มาเลเซียแล้ว ก็ต้องตามต่อไปว่าสุดท้าย Temu จะเข้าไทยไหม และถ้าเข้ามาจะส่งผลอย่างไรก็สมรภูมิการซื้อของออนไลน์ของไทยบ้าง.