PTG ปักธงปี 67 ลุยธุรกิจภายใต้ Max World สู่เป้าปี 70 มาร์เก็ตแชร์น้ำมัน 25% โตทุกมิติ

PTG ปักธงปี 67 ลุยธุรกิจภายใต้ Max World สู่เป้าปี 70 มาร์เก็ตแชร์น้ำมัน 25% โตทุกมิติ

PTG ปักธงปี 2567 ลุยธุรกิจภายใต้ Max World ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าให้ได้มีโอกาสเข้าถึงชีวิตที่ "อยู่ดี มีสุข" มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนตามแผนปี 2570 ตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์น้ำมันกว่า 25% โตยั่งยืนทุกมิติ

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยในงาน PTG Business Outlook 2024: Drive for Tomorrow, The Dynamism of Speed ว่าปี 2566 เป็นอีกปีที่ธุรกิจในเครือ PTG ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ภาพรวมการใช้น้ำมันของประเทศเติบโตเพียง 2.2% แต่ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันของ PTG กลับเติบโตอย่างโดดเด่น 13.3% สูงกว่าการเติบโตของประเทศ 6 เท่า และโตในทุกช่องทางที่ 12.1% เป็น 5,960 ล้านลิตร เป็นสถิติที่สูงที่สุดได้อีกครั้งนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ และเป็นครั้งแรกที่สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันผ่านช่องทางสถานีบริการได้มากกว่า 20%

สำหรับ ธุรกิจ Non-Oil มีรายได้จากการขายและการให้บริการเติบโต 44.4% อยู่ที่ 13,688 ล้านบาท เติบโตจากธุรกิจก๊าซ LPG สร้างสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่อง 634 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 27.7% และมีการขยายจุดบริการก๊าซ LPG ในครัวเรือนจำนวน 332 จุด ขณะที่ปริมาณการขายเติบโตถึง 48.0% ส่วนธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทย มีรายได้เพิ่มขึ้น 54.1% โดยสิ้นปี 2566 มี 882 สาขา เพิ่มขึ้น 371 สาขา จากการกลับเข้ามาใช้บริการลูกค้าผู้ถือบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus ซึ่งปี 2566 มีสาขาของธุรกิจ Non-Oil รวมทั้งสิ้น 2,087 สาขา เพิ่มขึ้น 561 สาขา หรือเติบโต 36.8% และมีสัดส่วนกำไรขั้นต้นจากธุรกิจ Non-Oil เป็นไปตามเป้าหมายที่ 21.2%

PTG ปักธงปี 67 ลุยธุรกิจภายใต้ Max World สู่เป้าปี 70 มาร์เก็ตแชร์น้ำมัน 25% โตทุกมิติ

ขณะเดียวกัน PTG ได้พัฒนาสินค้าและบริการต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า อาทิ การพัฒนาแพลตฟอร์มโซลูชัน Max Enterprise Connect คือแพลตฟอร์มเพื่อการบริหารต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ฟลีทรถ และบุคลากร สำหรับผู้ที่ประกอบการและองค์กรโลจิสติกส์ทุกขนาด ทำให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนการขนส่งให้มีประสิทธิภาพสูงสุด จึงทำให้บริษัทฯ ได้รับรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ประจำปี 2566 จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA  รวมถึงยังคงขับเคลื่อนธุรกิจสู่การพัฒนาที่ยังยืนอย่างต่อเนื่องทั้งมิติสิ่งแวดล้อม ที่มีการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ พลังงานสะอาด อาทิ สถานีอัดประจุไฟฟ้า Elex by EGAT PT โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าจากขยะ หรือมิติสังคม โดยดำเนินโครงการค่ายอาสา PT ทำจริงไม่ทิ้งกันมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการส่งเสริมวัตถุดิบท้องถิ่นจากชุมชน ที่ส่งผลให้บริษัทฯ ได้รับรางวัลระดับโลกอย่าง Best ESG Responsible Executive Team Thailand 2023 จากหน่วยงาน CFI.co ของสหราชอาณาจักร

ทั้งนี้ จากการที่ทางบริษัทฯ ให้ความสำคัญในการดูแลพนักงาน ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมายตามวิสัยทัศน์ที่ว่า "เชื่อมให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงชีวิตที่ อยู่ดี มีสุข ในทุกด้านของช่วงชีวิต" ผ่านค่านิยมองค์กร "BEST" ให้บริษัทฯ ได้รับรางวัล "องค์กรที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดในเอเชีย" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จากนิตยสาร HR Asia บริษัท Business Media International (BMI)

อีกทั้ง ภายในปี 2570 บริษัทฯ ตั้งเป้าครองส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันผ่านช่องทางสถานีบริการมากกว่า 25% ผ่านทั้ง 3 กลยุทธ์ ได้แก่ 1.) Expansion & Renovation 2.) Service Innovation และ 3.) Data Optimization พร้อมตั้งเป้าฐานสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 30 ล้านสมาชิก ส่วน ร้านกาแฟพันธุ์ไทย มุ่งขยายสาขาร้านในรูปแบบของ "แฟรนไชส์" มากขึ้น ทั้งภายในและนอก สถานีบริการน้ำมัน เป็นจำนวนรวม 5,000 สาขา ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ รวมถึงขยายออกสู่ตลาดต่างประเทศ เช่น ลาว พร้อมพัฒนาและมุ่งหาธุรกิจใหม่ๆ เพื่อใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศของ PTG ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค

นายปกเขตร รัชกิจประการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แมกซ์บิท ดิจิทัล แอสเซท จำกัด หรือ Maxbit กล่าวว่า หลังจากได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจำนวน 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทนายหน้าซื้อขาย คริปโทเคอร์เรนซี และประเภทนายหน้าซื้อขายโทเคนดิจิทัล โดยได้เริ่มดำเนินการเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 บริษัทฯ เล็งเห็นโอกาสในธุรกิจด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมัน และเชื่อมั่นว่า Maxbit จะสามารถนำจุดแข็งของบริษัทฯ ที่มีสมาชิก Max Card กว่า 21.5 ล้านสมาชิก รวมถึง Touchpoints กว่า 1.5 ล้าน Touchpoints ของ Max Me มาต่อยอดเป็นลูกค้าของ Maxbit โดยกลุ่มเป้าหมายหลักคือ กลุ่มลูกค้าในช่วงวัยทำงานและผู้ที่สนใจในด้านการลงทุน โดยตั้งเป้าหมายปีนี้จะมีสมาชิกเทรดประมาณ 350,000 ราย มั่นใจปี 2567 จะมีมาร์เก็ตแชร์โตเป็น 9-10% และก้าวสู่เบอร์ 2 ของกลุ่มตลาดนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย ซึ่งเชื่อมั่นว่า Maxbit จะเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่สามารถสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้แก่ พีทีจี ได้อย่างมีนัยสำคัญ 

นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTG กล่าวว่า จากการร่วมลงทุนใน บริษัท ทรีซิกซ์ตี้ ซัพพลายเชน จำกัด ผู้ให้บริการ 360TRUCK ยอดขายสินค้าออนไลน์ปี 2566 สูงกว่า 1,100 ล้านบาท หรือธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง โดยซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ไพศาล แคปปิตอล จำกัด จำนวน 825 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 33.33% เพื่อสร้างการเติบโต สร้างโอกาสธุรกิจร่วมกัน และต่อยอดระบบนิเวศทางธุรกิจของบริษัทฯ

อีกทั้งบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. ในการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ภายในสถานีบริการน้ำมัน PT ภายใต้นามว่า Elex by EGAT PT ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า Elex by EGAT PT ไปแล้ว จำนวน 49 สถานี และมีแผนจะติดตั้งเป็น 262 สถานีในปี 2567 และเป็น 712 สถานีในปี 2570 เพื่อให้ครอบคลุมตามพื้นที่สำคัญทั่วประเทศ

ส่วนโครงการพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา ผ่านบริษัท พีทีจี กรีน เอ็นเนอยี จำกัด หรือ PTGGE ซื้อขายไฟฟ้าในรูปแบบ Private PPA ปัจจุบันติดตั้งไปแล้ว 37 สถานี ซึ่งปี 2567 PTGGE ได้ตั้งงบลงทุนในอีก 5 ปีที่ 1,000 ล้านบาท เพื่อขยายพอร์ต Solar Rooftop รูปแบบ Private PPA อีก 28.67 MW บนพื้นที่มากกว่า 1,200 สถานี 

นอกจากนี้ จากการเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท ไทยไพบูลย์ อีควิปเม้นท์ จำกัด สัดส่วน 10% มูลค่าลงทุน 100 ล้านบาท และในอนาคตจะเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในสัดส่วนสูงสุดไม่เกิน 33.33% มูลค่าการลงทุนตลอดโครงการ 400 ล้านบาท เพื่อขยายการลงทุนธุรกิจบริหารจัดการขยะและผลิตเชื้อเพลิงขยะ 

สำหรับภาพรวมธุรกิจในปี 2567 ประมาณการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันที่ 10-12% จากปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจไทยในภาพรวม โดยเฉพาะการขยายตัวจากการบริโภคภาคเอกชน รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่อง และปัจจัยภายในของบริษัทฯ ที่ยกระดับการให้บริการ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มผู้ถือบัตร PT Max Card และ Max Card Plus พร้อมวางเป้าการขยายสถานีบริการในปี 2567 ไว้ที่จำนวน 2,251 สถานี

ธุรกิจ Non-Oil ยังคงวางเป้าเติบโตอย่างต่อเนื่องระดับ 40-50% โดยวางเป้าหมายการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายก๊าซ LPG ในปีนี้ ไว้ที่ 30-40% และเน้นการขยายจำนวนสถานีบริการ Auto LPG และ Gas Shop เป็น 788 สาขา จากเดิมที่มีอยู่ 573 สาขาในปี 2566 ส่วนธุรกิจร้านกาแฟพันธุ์ไทย ยังมุ่งเน้นการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ที่มีศักยภาพมากขึ้น ซึ่งปัจจุมีสาขาจำนวนกว่า 900 สาขา โดยตั้งเป้าหมายขยายสาขาเพิ่มอีก 400 สาขาทั่วประเทศไทย เข้าสู่ระดับอำเภอที่มีศักยภาพ เพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศไทยรวมจำนวนกว่า 1,300 สาขา ภายในปี 2567

PTG ปักธงปี 67 ลุยธุรกิจภายใต้ Max World สู่เป้าปี 70 มาร์เก็ตแชร์น้ำมัน 25% โตทุกมิติ