สทท. จี้รัฐติดอาวุธ SME ท่องเที่ยว รับมือมาเฟียต่างชาติชิงขุมทรัพย์ภูเก็ต

สทท. จี้รัฐติดอาวุธ SME ท่องเที่ยว รับมือมาเฟียต่างชาติชิงขุมทรัพย์ภูเก็ต

'สทท. กระทุ้งรัฐจัดการซัพพลายเชน กระจายเที่ยวจังหวัดติดทะเลอันดามัน พร้อมเร่งติดอาวุธธุรกิจเอสเอ็มอีท่องเที่ยวไทย สกัด “มาเฟียต่างชาติ” แย่งอาชีพ-รายได้ ชิงขุมทรัพย์ท่องเที่ยวภูเก็ตกว่า 4 แสนล้าน

KEY

POINTS

  • “สทท.” กระทุ้งรัฐจัดการซัพพลายเชน กระจายเที่ยวจังหวัดติดทะเลอันดามัน พร้อมเร่งติดอาวุธธุรกิจเอสเอ็มอีท่องเที่ยวไทย สกัด “มาเฟียต่างชาติ” แย่งอาชีพ-รายได้ ชิงขุมทรัพย์ท่องเที่ยวภูเก็ตกว่า 4 แสนล้าน
  • ด้าน “ททท.” มั่นใจภาพลักษณ์ “ท่องเที่ยวพรีเมียม” ภูเก็ตยังไปต่อ ย้ำ “บทเรียน” หนุนทุกฝ่ายยกระดับการบริหารจัดการ 
  • “สมาคมโรงแรมไทยภาคใต้” เปิดตัวเลข “โรงแรม” ทั้งในและนอกระบบ ทะลักภูเก็ตกว่า 3 พันแห่ง เกิน 2 แสนห้อง เฉพาะ 2 เดือนแรกปี 67 “รัสเซีย” ครองแชมป์เที่ยวภูเก็ตสูงสุด สะสมกว่า 2.5 แสนคน

“ภูเก็ต” หนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่ต้องการมาเยือน พึ่งพิงรายได้จากภาคการท่องเที่ยวเป็นหลักถึง 90% ด้วยสถานะขุมทรัพย์ใหญ่สร้างรายได้การท่องเที่ยวสูง 4.7 แสนล้านบาท เมื่อปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด จากฐานนักท่องเที่ยวรวม 14 ล้านคน เป็นชาวต่างชาติ 10 ล้านคน สร้างรายได้ 4.2 แสนล้านบาท และชาวไทยอีก 4 ล้านคน สร้างรายได้ 50,000 ล้านบาท

กระทั่งเข้าสู่ปี 2566 ภูเก็ตปิดฉากยุคโควิดด้วยรายได้การท่องเที่ยว 388,017 ล้านบาท จากนักท่องเที่ยวรวม 11,300,498 คน เป็นชาวต่างชาติ 8,376,464 คน สร้างรายได้หมุนเวียน 365,826 ล้านบาท และชาวไทย 2,924,034 คน สร้างรายได้หมุนเวียน 22,190 ล้านบาท ภาพรวมฟื้นตัวกว่า 80% ทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้รวมเมื่อเทียบกับปี 2562 สะท้อนภาพผู้คนจากทั่วโลกต่างตบเท้าเดินทางเข้าภูเก็ต นำไปสู่ความกังวลประเด็นมาเฟียต่างชาติ เข้ามาทำธุรกรรมผิดกฎหมายในไทย

นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจ ส่งผลให้เซ็กเตอร์อสังหาริมทรัพย์ได้รับความนิยม ขยับดีมากๆ โดยเฉพาะกำลังซื้อจากตลาดชาวรัสเซียและชาวจีน

อย่างไรก็ตาม สทท.เป็นห่วงด้านซัพพลายการท่องเที่ยว เมื่อโอกาสจากดีมานด์นักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นตัวสู่ภาวะปกติ แต่ก็มาพร้อมปัญหาต่างๆ รวมถึงประเด็นมาเฟียต่างชาติ 

"จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐเร่งติดอาวุธแก่ธุรกิจเอสเอ็มอี หรือคนตัวเล็กตัวน้อย ก็น่าจะช่วยกันประคองธุรกิจเหล่านี้ให้เดินหน้าฟื้นตัว"

สทท. จี้รัฐติดอาวุธ SME ท่องเที่ยว รับมือมาเฟียต่างชาติชิงขุมทรัพย์ภูเก็ต

'ททท.' มั่นใจไม่กระทบภาพลักษณ์ 'พรีเมียม' ภูเก็ต

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จากกรณีชาวสวิตเซอร์แลนด์ทำร้ายแพทย์หญิงใน จ.ภูเก็ต ได้กลายเป็นประเด็นร้อนบนโซเชียลมีเดียตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงความกังวลต่อประเด็นมาเฟียต่างชาติในภูเก็ต ททท. มองว่าจะไม่กระทบต่อภาพลักษณ์ความเป็นจุดหมายปลายทางระดับพรีเมียมของภูเก็ต ซึ่งกำลังบูมอย่างมากในยุคหลังโควิด

“ในทุกๆ พื้นที่ของการท่องเที่ยว เมื่อมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ก็ต้องมีการบริหารจัดการตามมา แน่นอนว่าพอเกิดบทเรียน ย่อมนำมาสู่การบริหารจัดการที่ดีขึ้น ไม่ใช่ว่าพอเกิดเหตุการณ์นี้แล้วภูเก็ตจะแย่ หรือภาพลักษณ์ความพรีเมียมของภูเก็ตจะจบลง ทาง ททท.มองว่าจะไม่กระทบถึงขั้นนั้น”

สิ่งสำคัญคือทุกฝ่ายได้เรียนรู้ สามารถนำไปต่อยอดการบริหารจัดการว่าต้องทำอย่างไร ไม่ให้อยู่กับปัญหาเดิมๆ ตอนนี้จึงเป็นการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส สิ่งต่างๆ ที่ภูเก็ตกำลังเจอ ก็ต้องแสดงให้ทุกคนเห็นว่าการบริหารจัดการที่ดีนั้นเป็นอย่างไร

“จุดนี้ทุกภาคส่วนต้องช่วยกัน เพราะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นเรื่องที่ทำคนเดียวไม่ได้”

สทท. จี้รัฐติดอาวุธ SME ท่องเที่ยว รับมือมาเฟียต่างชาติชิงขุมทรัพย์ภูเก็ต

 

โรงแรมทะลัก 'ภูเก็ต' เกิน 2 แสนห้อง

นายศึกษิต สุวรรณดิษฐกุล นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ กล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า สถานการณ์ตลาดโรงแรมที่พัก จ.ภูเก็ต ในปัจจุบัน พบว่ามีโรงแรมในระบบจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย จำนวน 933 แห่ง คิดเป็นจำนวนห้องพักกว่า 70,000 ห้อง และเมื่อรวมโรงแรมในระบบและนอกระบบ มีจำนวนรวมกว่า 3,000 แห่ง คิดเป็นจำนวนห้องพักรวมเกิน 200,000 ห้อง

จากการสำรวจข้อมูลจากสมาชิกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ พบว่าโรงแรมในภูเก็ตมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งปี 2566 อยู่ที่ 71% โดยในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2567 ตั้งแต่ ม.ค.-ก.พ. มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยราว 90% คาด มี.ค. ชะลอตัวลงอยู่ที่ระดับมากกว่า 80% และน่าจะลดลงเหลือ 75% ในเดือน เม.ย. เนื่องจากเริ่มเข้าสู่โลว์ซีซัน เฉพาะช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์คาดมีอัตราการเข้าพักราว 80-85% เนื่องจากได้ตลาดลูกค้าคนไทยมาเติม

ด้านสถานการณ์ราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวัน (ADR) ของโรงแรมระดับต่างๆ ในภูเก็ตปี 2567 พบว่าโรงแรม 4-5 ดาวสามารถทำราคาห้องพักฟื้นกลับมาดีเท่ากับปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาดหรือดีกว่าด้วยซ้ำแล้ว ขณะที่โรงแรม 3 ดาว แม้ราคาห้องพักยังไม่กลับไปเท่าเดิม แต่อัตราการเข้าพักเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น

หลังตลาดนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยว จ.ภูเก็ต ฟื้นดีต่อเนื่อง เมื่อเดือน ม.ค.-ก.พ. 2567 พบว่ามีนักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัว 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ดีกว่าปี 2566 ที่ฟื้นตัวไม่ถึง 30%

สทท. จี้รัฐติดอาวุธ SME ท่องเที่ยว รับมือมาเฟียต่างชาติชิงขุมทรัพย์ภูเก็ต

 

2 เดือนแรก 'รัสเซีย' แชมป์เที่ยวภูเก็ต

นายศึกษิต กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถิติผู้โดยสารชาวต่างชาติที่เข้าภูเก็ต ช่วง 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.) ปี 2567 มีจำนวนสะสม 1,036,049 คน โดย 10 อันดับแรกของสัญชาติที่เดินทางเข้าภูเก็ตสูงสุด มีดังนี้

อันดับ 1 รัสเซีย 246,915 คน

อันดับ 2 จีน 197,943 คน

อันดับ 3 อินเดีย 48,363 คน

อันดับ 4 คาซัคสถาน 47,247 คน

อันดับ 5 ฝรั่งเศส 43,188 คน

อันดับ 6 เยอรมนี 40,243 คน

อันดับ 7 สหราชอาณาจักร 39,091 คน

อันดับ 8 ออสเตรเลีย 33,889 คน

อันดับ 9 เกาหลีใต้ 26,168 คน

อันดับ 10 สวีเดน 24,373 คน

เฉพาะเดือน ม.ค. มีผู้โดยสารชาวต่างชาติเดินทางเข้าภูเก็ต 518,190 คน อันดับ 1 คือ รัสเซีย 130,705 คน อันดับ 2 จีน 84,874 คน ขณะที่เดือน ก.พ. มีจำนวนรวม 517,859 คน อันดับ 1 รัสเซีย 116,210 คน อันดับ 2 จีน 113,069 คน ตีตื้นขึ้นมาเนื่องจากเป็นเดือนที่มีวันหยุดยาวเทศกาลตรุษจีน

สมาคมฯ คาดว่าเดือน มี.ค. นักท่องเที่ยวจีนจะสามารถทวงแชมป์ท่องเที่ยวภูเก็ตกลับมาได้ และถ้ากระแสเดินทางดีต่อเนื่องตลอดปี 2567 คาดมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าภูเก็ต 1.5 ล้านคน ฟื้นตัว 50% จาก 3 ล้านคนเมื่อปี 2562 ส่วนปี 2566 นักท่องเที่ยวจีนมาภูเก็ตฟื้นตัว 25-30%

“ภาคเอกชนท่องเที่ยวภูเก็ตคาดหวังเห็นการฟื้นตัวสูงกว่านั้น เพราะ ททท. ตั้งเป้าหมายการฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยปี 2567 สูงเกือบ 80% หรือไม่น้อยกว่า 8 ล้านคน เทียบจำนวนคนจีนเที่ยวไทย 11 ล้านเมื่อปี 2562”

สทท. จี้รัฐติดอาวุธ SME ท่องเที่ยว รับมือมาเฟียต่างชาติชิงขุมทรัพย์ภูเก็ต