'ไฮเออร์’ มั่นใจศักยภาพไทยเล็งลงทุนใหญ่ ชูนวัตกรรม-ฟังก์ชั่น นำตลาด

'ไฮเออร์’ มั่นใจศักยภาพไทยเล็งลงทุนใหญ่  ชูนวัตกรรม-ฟังก์ชั่น นำตลาด

'ไฮเออร์' ปักหลักตลาดไทย วางแผนลงทุนใหญ่ สร้างโรงงานใหม่ที่ระยองใน 3 ปีนี้ เป็นฐานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ ส่งออกไปตะวันออกกลาง พร้อมงบการตลาดในปี 67 รวม 1,000 ล้านบาทชูนวัตกรรม-ฟังก์ชั่น เล็งเปิดตัวแอร์โซลลาร์เซลล์

แม้ในปี 2567 ปัจจัยที่ภาคเอกชนไทยติดตามอย่างใกล้ชิดจะมีทั้งภาวะเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก ไปจนถึงกำลังซื้อในประเทศ ทำให้การลงทุนใหม่! ต้องประเมินอย่างรอบด้าน ท่ามกลางความไม่แน่นอนในหลายด้าน หากแต่ภาคเอกชนไทยในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ยังมีความเชื่อมั่นกับเศรษฐกิจไทย โดยมีแผนที่จะลงทุนอย่างต่อเนื่อง อย่างแบรนด์ “ไฮเออร์” (Haier) ที่ปักหลักลงทุนในไทยมายาวนานหลายปีแล้ว

ธเนศร์ บินอาซัน รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทแม่ของไฮเออร์ อยู่ระหว่างการพิจารณาและศึกษาแผนลงทุนใหญ่ในประเทศไทยครั้งใหม่ เพื่อเป็นฐานการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าส่งออกไปต่างประเทศ ประเมินว่าจะเป็นตลาดในตะวันออกกลาง คาดว่าจะเห็นความชัดเจนและการลงทุนใหม่ภายใน 3 ปีนับจากนี้ โดยจะเป็นการลงทุนสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่จังหวัดระยอง

ทั้งนี้การเลือกขยายลงทุนในไทยต่อเนื่อง มาจากการที่บริษัทมีความมั่นใจกับลงทุนในประเทศไทย ด้วยโอกาสตลาดที่กำลังเติบโต รวมถึงปัจจุบัน “ไฮเออร์” มีโรงงาน กบินทร์บุรี ปราจีนบุรี เป็นฐานการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องปรับอากาศและตู้เย็น ซึ่งโรงงานแห่งนี้มีพื้นที่เต็มแล้วและไม่สามารถขยายพื้นที่เพิ่มเติมได้อีก 

สำหรับโรงงานที่ กบินทร์บุรี จะผลิตเพื่อทำตลาดในไทยและส่งออกไปสหรัฐและหลายประเทศทั่วภูมิภาคเอเชีย มีกำลังการผลิตรวมประมาณ 3 ล้านเครื่อง/ปี

“บริษัทมีความเชื่อมั่นในตลาดไทย โดยบริษัทแม่กำลังทำแผนลงทุนใหญ่ในไทย และไฮเออร์จะมีการประกาศแผนลงทุนทั้งหมดในระยะต่อไป”

สำหรับภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในปี 2567 มูลค่ากว่า 57,000 ล้านบาท ประเมินว่ามีแนวโน้มทรงตัว หรืออาจจะหดตัวลงได้ 3% ขึ้นอยู่กับปัจจัยบวกและปัจจัยลบที่จะเข้ามากระตุ้นตลาด  ทั้งภาวะเศรษฐกิจ กำลังซื้อ สถานการณ์ค่าเงินบาท และนโยบายของภาครัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจจะทำให้กำลังซื้อในประเทศกลับมาคึกคักมากขึ้นหรือไม่

\'ไฮเออร์’ มั่นใจศักยภาพไทยเล็งลงทุนใหญ่  ชูนวัตกรรม-ฟังก์ชั่น นำตลาด

ส่วนภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในปี 2566 มีการขยายตัว 7-8% จากแรงหนุนของเครื่องปรับอากาศที่ขยายตัวมากสุด ตามสภาพอากาศที่ร้อนมาก และกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก ที่ขยายตัวดี โดยเฉพาะหม้อหุงข้าว และกระติกน้ำร้อน เป็นต้น ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ ขยายตัวน้อย หรือ บางกลุ่มชะลอตัว

ท่ามกลางความไม่แน่นอนหลายด้าน แผนของ “ไฮเออร์” ในการขยายตลาดไทยในปี 2567 จะมุ่งการนำเสนอสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าออกมาสู่ตลาด​ เน้น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.เครื่องปรับอากาศ 2.ตู้เย็น 3. เครื่องซักผ้า และ 4.ตู้แช่ พร้อมชูสินค้าที่มีฟังก์ชั่นและมีนวัตกรรม จากการที่บริษัทมีทีมในการพัฒนาและวิจัยสินค้า (อาร์แอนด์ดี) ภายใน จึงพร้อมนำเสนอสินค้ารุ่นใหม่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า จึงเป็นจุดแข็งในการทำตลาด รวมถึงไม่เน้นแข่งขันในเรื่องราคา

อีกนวัตกรรมของไฮเออร์ที่ได้พัฒนาขึ้นมาแล้วและเริ่มทำตลาดในหลายประเทศกับ เครื่องปรับอากาศที่ใช้โซลลาร์เซลล์ เพื่อร่วมประหยัดพลังงาน โดยมีโอกาสที่จะเริ่มทำตลาดในประเทศไทยได้ช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2567

แผนรุกตลาดในปี 2567 วางงบกว่า 1,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีนี้ พร้อมใช้กลยุทธ์ สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง ร่วมสื่อสารภาพลักษณ์ของแบรนด์ไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และตอกย้ำการร่วมเป็นผู้นำเทรนด์ในการสร้างสุขภาพที่ดีให้แก่กลุ่มลูกค้าคนไทย พร้อมยังใช้แบรนด์แอมบาสเดอร์ บอย - ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ และ ปอป้อ - ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย” ร่วมทำตลาดต่อเนื่อง ส่วนฐานลูกค้าในไทยที่จะเน้นขยาย จะเน้นตลาดกลางและบนมากขึ้น

จากแผนการตลาดเชิงรุกจะทำให้ภาพรวมยอดขายของบริษัทในปี 2567 เติบโตราว 20% หรือปิดยอดขาย 11,000 ล้านบาท สัดส่วนยอดขายมาจาก เครื่องปรับอากาศ 40% ตามมาด้วย เครื่องซักผ้า และ ตู้เย็น ในสัดส่วนเท่ากัน ที่เหลือ มาจากตู้แช่

ขณะที่ยอดขายปี 2566 คาดอยู่ที่ประมาณ 9,100 ล้านบาท ขยายตัว 18-19% ต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในภาวะชะลอตัวลง มีผลต่อตลาดส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ