"ขยันและอดทน” เป็นคติที่เรียบง่าย ที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจ

ตัวแทนของยางรถยนต์ยี่ห้อ บริดจสโตน (Bridgestone) ไฟร์สโตน (Firestone) ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 6 สาขา ทั้งร้านยางทั่วไป ร้านยางสำหรับรถบรรทุก (Truck Tire Center) และศูนย์บริการ Cockpit อีก 4 สาขา ไม่เพียงแต่จำหน่ายยางสำหรับรถยนต์เท่านั้น ยังมียางสำหรับรถทำการเกษตรด้วย รวมถึงการส่งออกไปยังต่างประเทศ เช่น ลาว พม่า จีน เป็นต้น

ด้วยความเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องรถยนต์มาอย่างยาวนาน แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้เฮียน้อย คุณวีระศักดิ์ พรรณเชษฐ์ ได้เล่าย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นว่าจะต้องขยันและอดทนอย่างไรบ้าง

เดิมทีที่บ้านรุ่นคุณพ่อมีธุรกิจขายอะไหล่รถยนต์ และเป็นเจ้าของปั๊มน้ำมัน ด้วยการสั่งสมความรู้และประสบการณ์ของเฮียน้อย ที่เกิดและโตมากับวงการธุรกิจรถยนต์ จึงเริ่มอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เล็งเห็นว่าจากธุรกิจขายอะไหล่รถยนต์เพียงอย่างเดียว อยากทำให้เป็นธุรกิจรถยนต์แบบครบวงจร จึงคิดว่าควรต่อยอดขายยางรถยนต์เพิ่มเติม

“ทุกบ้านอย่างน้อยก็มีรถ 1 คัน  หรือมากกว่านั้น” และพอนำรถมาขึ้นลิฟท์ยกรถเพื่อเปลี่ยนยาง ก็ยังสามารถเห็นได้อีกว่า ลูกค้าควรจะต้องเปลี่ยนอะไหล่ไหนบ้าง เห็นได้ว่าอะไรเสื่อมบ้าง เช่น โชคอัพ ลูกหมาก คันชัก เป็นต้น ซึ่งสามารถต่อยอดขายอะไหล่ของที่บ้านได้อีกต่อหนึ่ง

เฮียน้อยจึงเชื่อมั่นว่าสามารถทำได้ และเริ่มต้นลงทุนซื้อเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ เครื่องตั้งศูนย์ถ่วงล้อด้วยตัวเอง แม้จะโดนคัดค้านจากคุณพ่อในช่วงแรก เพราะว่าต้องเริ่มลงทุนหลายล้านบาท และไม่แน่ใจว่าจะคุ้มค่าการลงทุนหรือไม่

เฮียน้อยเล่าว่าโชคดีที่ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตร และได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากทางธนาคาร ได้วงเงินมา ทำให้สามารถขยายธุรกิจได้ ทั้งนี้เฮียน้อยได้ให้หลักบริหารการเงินว่า “สิ่งสำคัญที่สุดคือรักษาเครดิต การันตีได้ว่ากว่า 40 ปี ที่ธนาคารให้วงเงินสินเชื่อ ไม่เคยเสียเลย” โดยมีวิธีการแบ่งให้เป็นสัดส่วน กำไร เงินออม เงินสำหรับทำประกันต่างๆ และดอกเบี้ยที่จ่ายธนาคาร

 

“กว่าจะเติบโตมาถึงจุดนี้จะต้องกล้าลองผิดลองถูก รู้จักการเปลี่ยนแปลง ต้องยอมรับสิ่งใหม่ๆเสมอ” ส่วนตัวเฮียน้อยแม้จะอายุ 60 กว่าก็ยังเรียนรู้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ได้ดี เนื่องจากยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ย้อนไปเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว การทำการตลาดสมัยก่อน จะต้องใช้วิธีการเปิดสมุดหน้าเหลืองเพื่อโทรติดต่อร้านยางขายปลีกต่าง ๆ ในการเปิดตลาด

แทนการโปรโมทร้านของเราตามช่องทางสื่อออนไลน์ต่าง ๆ อย่างในยุคปัจจุบัน และใช้วิธีการทำโปรโมชันคูปองดีลกับร้านปะยาง  มีไปออกบูธ ตามงานต่างๆ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นรวมถึงการบอกปากต่อปากจากลูกค้าเก่าที่เคยซื้อขายอะไหล่กันมา 

“ทุกวิกฤติเป็นโอกาส” 
    เฮียน้อยและภรรยาบุกเบิกธุรกิจขายยางกันมา ตั้งแต่เปลี่ยนยาง และรับส่งยางกันเอง กับช่างประจำร้านเพียงแค่ 1 คนเท่านั้น แต่พิษณุไพศาลยางยนต์ก็สามารถผ่านพ้นมาได้ทั้งวิกฤตฟองสบู่แตก ซึ่งเป็นช่วงที่ก่อตั้ง Cockpit สาขาแรก ทั้งนี้ตลาดยางรถยนต์ก็ยังเติบโตได้อยู่

หลังจากนั้นบ้านเมืองที่เริ่มเจริญขึ้น การแข่งขันของผู้ค้ายางบริดจสโตนก็สูงขึ้น ดังนั้นจึงต้องการรักษายอดการซื้อขายไว้ ไม่อย่างนั้นก็จะเสียโอกาสการเป็นตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่เบอร์ 1  จึงซื้อที่ดินเพิ่มอีก เพื่อรองรับเป็นศูนย์ครบวงจรสำหรับรถ 10 ล้อด้วย

โดยมีมุมมองว่ายังไม่มีคู่แข่งมากนัก และปัจจุบันยางรถบรรทุกก็พัฒนาขึ้นไม่ต้องมียางนอกยางใน ไม่ยุ่งยากแบบสมัยก่อน จึงตัดสินใจรีบทำก่อนเลย จากนั้นจึงเกิด Cockpit สาขาที่ 2 ภายในระยะเวลา 7 ปี และสาขาอื่นๆตามมา

และไม่หยุดเพียงเท่านี้แม้ในช่วงวิกฤตโรคระบาดอย่างโควิด-19 ที่ผ่านมา ก็เพิ่มไลน์ธุรกิจเป็นร้านล้างรถ เพื่อยังคงรักษางานให้กับพนักงาน และขายส่งยางแทน

ส่วนในอนาคตจะเพิ่มไลน์ธุรกิจขายแบตเตอรี่ ในปีนี้คาดว่ายอดขายแตะเกือบพันล้านบาท

    ปัจจุบันนี้พิษณุไพศาลยางยนต์ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ไม่เพียงแต่ในจังหวัดพิษณุโลกเท่านั้น ยังมีลูกค้าจากจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงจังหวัดจากภูมิภาคอื่น ๆ ด้วย เนื่องจากการบริหารงานในส่วนของคุณภาพการบริการด้วยช่างผู้เชี่ยวชาญ มีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปฝึกทักษะ

หลังจากกิจการขยายใหญ่ขึ้นจำนวนพนักงานก็มากขึ้น การดูแลรักษาความสัมพันธ์บุคลากรของบริษัทก็สำคัญเช่นกัน ทางบริษัทมีสวัสดิการบ้านพักสำหรับพนักงาน นอกจากช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย ยังลดเรื่องระยะเวลาเดินทางได้อีกด้วย สร้างแรงจูงใจให้พนักงานมีเป้าหมายเดียวกันคือ การขายและการให้บริการที่ดี

หลังจากรวมยอดขายทั้งหมดมีค่าคอมมิชชันแบ่งปันกันทุกคน มีการให้ค่าแรงพิเศษในวันหยุด และองค์ประกอบทั้งหมดนี้เองที่เป็นส่วนขับเคลื่อนให้ พิษณุไพศาลยางยนต์เติบโตอย่างต่อเนื่อง และดำเนินธุรกิจมาได้อย่างยั่งยืน.