'FN Outlet' ชี้เทรนด์ 4 กลุ่มสินค้ามาแรง-ดึงแบรนด์หรูขยาย เร่งเพิ่มทราฟฟิก

'FN Outlet' ชี้เทรนด์ 4 กลุ่มสินค้ามาแรง-ดึงแบรนด์หรูขยาย เร่งเพิ่มทราฟฟิก

'FN Outlet' หรือ 'เอฟเอ็น เอ๊าท์เลท' วางกลยุทธ์โตครั้งใหม่จากตลาดท่องเที่ยวฟื้น รีเฟรชแบรนด์ใหม่ ชี้เทรนด์ 4 กลุ่มสินค้ามาแรง ขยายเพิ่ม พร้อมดึงแบรนด์ลักชัวรีกลุ่ม PROVA นำโดย Bottega veneta, Prada, Gucci Balenciaga CELINE เร่งทำตลาด หวังกระตุ้นทราฟฟิกพุ่ง

เอฟเอ็น เอ๊าท์เลท (FN Outlet) ร้านค้ารีเทลกลุ่มเอาท์เล็ท ที่มีเส้นทางก่อตั้งปี 2543 ธุรกิจของตระกูล "ส่งวัฒนา" โดยได้กำหนดยุทธศาสตร์ให้เป็นศูนย์รวมสินค้า Outlet ในราคาพิเศษ ตั้งอยู่ตามเส้นถนนสายหลักที่เชื่อมโยงการท่องเที่ยว กลายเป็นแลนด์มาร์กสำคัญ ของนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติต้องหยุดแวะพัก!

"กิตติมา วัชโรภาส" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอ๊าท์เลท จำกัด​ (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้เร่งปรับแผนกลยุทธ์ของบริษัทในปีนี้ใหม่ ตามสถานการณ์ที่ตลาดนักท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว จากทั้งคนไทยและต่างชาติ พร้อมวางแผนรีเฟรชแบรนด์ FN Outlet ครั้งใหม่ 

 

ทั้งนี้การปรับแผนครั้งสำคัญ จึงวางแผนเร่งนำเข้าสินค้า 4 กลุ่มที่กำลังมาแรง ทั้ง 1. สินค้าสุขภาพและไลฟ์สไตล์ (Health and Liftstyle) เนื่องจากมีผลการศึกษาจาก เวิลด์อีโคโนมิก พบว่า ภายหลังโควิด 62% ของกลุ่มลูกค้าสนใจผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพ และกลุ่มอาหารเสริมสุขภาพต่างๆ 2. กลุ่มสินค้าไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม (Environment friendly products) มุ่งคำนึงสิ่งที่ผู้ประกอบดำเนินการตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ต้องมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 3. กลุ่มสินค้าสำหรับผู้สูงอายุ (Products for elderly) ทั้งกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ รวมถึงอาหารและเครื่องดื่ม และ 4. สินค้านวัตกรรม Innovation products โดยสินค้าทั้งหมดนี้ จะกำหนดราคาสินแบบมิตรภาพ ภายใต้การมีคุณภาพดี

“ตั้งแต่ไตรมาสแรกที่ผ่านมา 12 สาขาของ FN Outlet ที่อยู่ตามเมืองท่องเที่ยว มีจำนวนลูกค้ากลับมาเกือบเทียบเท่ากับก่อนโควิดแล้ว วัดได้จากจำนวนลูกค้าและจำนวนรถที่เข้ามาใช้บริการ” 

 

 

บริษัทยังจัดทำ 5 กลยุทธ์ในการขยายตลาดนับจากนี้ทั้ง 1. New brand ที่นำเข้ามาจำหน่าย มีทั้งสินค้าแบรนด์ของบริษัทในกลุ่มเฮ้าส์แบรนด์ และกลุ่มแบรนด์อื่นๆ ในกลุ่ม PROVA เป็นสินค้าลักชัวรี เช่น Bottega veneta, Prada, Gucci, Givency,  Saint Laurent, Fendi,  Burberry, Balenciaga และ CELINE เป็นต้น เพื่อร่วมดึงลูกค้าเข้ามาใช้บริการ

"ภาพรวมกลุ่มเฮ้าส์แบรนด์อย่าง ชุดนอนและเครื่องนอน สามารถสร้างยอดขายเติบโต 20-30% ในช่วงที่ผ่านมา จากแนวโน้มคนให้ความสนใจเทรนด์เรื่องการนอนมากขึ้น"

กลุ่มที่สอง FN Apparel กลุ่มเครื่องแต่งกาย ซึ่งบริษัทมีจุดแข็งเรื่องผ้าลินิน โดยผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ 100% จึงมีกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ มากขึ้น เช่น คนรุ่นใหม่และต่างชาติ 

FN HOME สินค้ากลุ่มโฮมและลิฟวิ่ง โดยวางแผนขยายตลาดกลุ่มครอบครัวและผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ

FN TRAVEL กลุ่มสินค้ากระเป๋าเดินทาง มีแนวโน้มเติบโตดีภายหลังเปิดประเทศ ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น และกระแสการท่องเที่ยวแบบแคมป์ปิ้ง สามารถไปท่องเที่ยวได้ในทุกฤดูกาล 

อีกสิ่งที่บริษัทดำเนินการควบคู่กันคือ มุ่งทยอยปรับสาขา FN Outlet ทั้งหมด 12 แห่งให้มีความสดใสมากขึ้น ทั้งปรับโลโก้ใหม่ ปรับเว็บไซด์ และป้ายสินค้า โดยในปีนี้ได้ดำเนินการในสาขาที่อยุธยา หัวหินและปากช่อง คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในสิ้นปี ภายใต้งบลงทุนรวมประมาณ 15 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ได้เพิ่มช่องทางการขายใหม่ๆ ผ่านโซเชียล เช่น การเปิด TikTok ปรับหน้าเว็บไซด์ ให้เป็นเว็บอีคอมเมิร์ซ รองรับการเพิ่มฐานลูกค้าและทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวก ทั้งนี้มั่นใจว่า จากแผนกลยุทธ์ที่ได้ปรับใหม่ จะทำให้ผลประกอบการรวมของบริษัทในปี 2566 กลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง