จับเพิ่มอีก 2 คดีหลอกลงทุนฟาร์มเห็ดทิพย์ Turtle Farm ยึดทรัพย์กว่า 100 ล้าน
ตำรวจไซเบอร์จับเพิ่มอีก 2 ราย คดีหลอกลงทุนฟาร์มเห็ดทิพย์ Turtle Farm ขยายผลตรวจค้น 2 จุด ยึดทรัพย์ของกลางรวมกว่า 100 ล้านบาท
ความคืบหน้าคดีหลอกลงทุน Turtle Farm โดยมีพฤติกรรมหลอกลวงประชาชนให้ร่วมลงทุนปลูกเห็ด กัญชา พืชกระท่อม เลี้ยงผึ้ง ฯลฯ ซึ่งมีการโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ โดยอ้างว่าผู้ที่เข้าร่วมลงทุนจะได้ผลตอบแทนเป็นจำนวนมาก
ซึ่งในเวลาต่อมาผู้ต้องหากับพวกอ้างเหตุขัดข้องต่าง ๆ ไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนให้กับผู้เสียหายได้ จนมีการแจ้งความเอาผิด กระทั่งเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหา 9 ราย โดยสามารถจับกุมตัวได้ 4 ราย และอยู่ระหว่างหลบหนี 5 ราย รวมถึงได้มีการอายัดทรัพย์สินบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องกว่า 72 บัญชี ยึดเงินได้กว่า 17.5 ล้านบาท ไปเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา
ต่อมาในช่วงเดือนเดียวกัน "ตำรวจไซเบอร์" สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับได้เพิ่มเติมอีก 2 ราย รวมจับกุมผู้ต้องหาได้ 6 ราย และขณะนี้อยู่ระหว่างหลบหนีอีก 3 ราย
ทั้งนี้ จากการขยายผลการสืบสวนทำให้ทราบว่า บริษัทด้านดิจิทัล มาเก็ตติ้งออนไลน์ มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับบริษัท ม. และ หจก. ส. ของกลุ่มผู้ต้องหา โดยถูกว่าจ้างให้ทำการโฆษณา สร้างภาพลักษณ์ สร้างความน่าเชื่อถือ เพื่อหลอกลวงประชาชนให้มาร่วมลงทุน โดยได้รับเงินจากกลุ่มผู้ต้องหากว่า 72 ครั้ง รวมเป็นเงิน 134 ล้านบาท
พนักงานสอบสวนจึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญามีนบุรีขออนุมัติศาลออกหมายค้นสถานที่เกี่ยวข้อง จำนวน 2 จุด คือ
1. บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ ตรวจยึดของกลาง 57 รายการ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์, สมุดบัญชีธนาคาร, บัตรกดเงินอิเล็กทรอนิกส์, เครื่องประดับทองคำ, นาฬิกา, โฉนดที่ดิน และเงินสด จำนวน 10.6 ล้านบาท
2. บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ แขวงคลองสามวา เขตสามวาตะวันตก กรุงเทพฯ ตรวจยึดของกลาง ตู้นิรภัยบรรจุเงินสด จำนวน 88 ล้านบาท รถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ (Porsche) สีส้ม รุ่น Boxster PDK 1 คัน
รวมผลการตรวจค้นทั้ง 2 จุด เจ้าหน้าที่ตรวจยึดของกลางกว่า 56 รายการ เงินสดรวม 98.6 ล้านบาท
ซึ่งปัจจุบันมีผู้เสียหายแจ้งความผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ที่เว็บไซต์ thaipoliceonline.com กว่า 2,702 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 1,650 ล้านบาท
สำหรับผู้ต้องหาที่หลบหนีไปนอกราชอาณาจักร พนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือติดตามแหล่งที่อยู่ของผู้ต้องหาเพื่อประกอบคำร้องขอเป็นผู้ร้ายข้ามแดน และคำร้องขอออกหมายตำรวจสากลสีแดง (INTERPOL Red Notice) ไปยังกองการต่างประเทศแล้วส่วนหนึ่ง ซึ่งจะได้ติดตามประสานงานนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้การปฏิบัติการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ยังคงมุ่งเน้นที่จะสนองนโยบายของรัฐบาล เร่งดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดอย่างจริงจังและต่อเนื่อง มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม คำนึงถึงความเดือดร้อนและอำนวยความยุติธรรมของประชาชนเป็นสำคัญ
