ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐตามคาด (13 ธ.ค. 64)

ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐตามคาด (13 ธ.ค. 64)

วันพฤหัสที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยลบอ่อนๆ เป็นการพักตัวหลังจากที่ดัชนีปรับตัวขึ้นติดต่อกันในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับเป็นวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์ ก่อนหยุดยาว

ทำให้นักลงทุนชะลอการซื้อ-ขาย และติดตามการรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ โดยหุ้นขนาดใหญ่ยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,618.23 จุด -0.13 จุด -0.01% มูลค่าการซื้อขาย 69,712 ลบ.ต่างชาติ -602.85 ลบ. TFEX +713 สัญญา ตราสารหนี้ +8,735.77 ลบ.


ปัจจัยบวก  

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิด +216.30 จุด +0.60% ขานรับตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในเดือนพ.ย.ที่พุ่งขึ้น 6.8%YoY เป็นไปตามคาดการณ์ช่วยลดแรงกดดันของนักลงทุนที่วิตกว่า FED จะคุมเข้มนโยบายการเงินอย่างรุนแรง ในรอบสัปดาหที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์บวก 4%
+ ราคาน้ำมันดิบ +73 เซนต์ +1% ปิดที่ 71.67 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์ 8.2% มากที่สุดในรอบกว่า 3 เดือน หลังนลท.คลายกังวลผลกระทบของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่มีต่อเศรษฐกิจโลกและอุปสงค์น้ำาน
+ อังกฤษมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเตือนว่าอาจมียอดผู้ติดเชื้อถึง 1 ล้านรายภายในสิ้นเดือนนี้
+ FDA อนุมัติใช้งานยาเอวูเชลด์เป็นยาต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 (PrEP) เป็นกรณีฉุกเฉิน ซึ่งใช้ป้องกันโรคในกรณีที่ยังไม่เคยสัมผัสกับผู้ติดเชื้อมาก่อน
+ ผู้เชี่ยวชาญ UK ชี้วัคซีนบูสเตอร์ป้องกันโอมิครอนแบบมีอาการได้ 70-75%
+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 3,398 ราย ATK 483 ราย มีผู้เสียชีวิต 23 ราย รักษาหาย 5,467ราย

 

ปัจจัยลบ  

- วุฒิสภาสหรัฐลงมติคัดค้านข้อกำหนดบังคับฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของปธน.โจ ไบเดน ซึ่งกำหนดให้ภาคเอกชนจะต้องให้พนักงานเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19
- สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐผ่านร่างกม.ว่าด้วยการห้ามนำเข้าสินค้าจากเขตซินเจียงของจีนเนื่องด้วยข้อกังวลเกี่ยวกับการบังคับใช้แรงงาน
 

- WHO รายงานว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในแอฟริกาใต้เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าตัวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่กระจายไปทั่วประเทศ
-ปธน.โจ ไบเดนแห่งสหรัฐเปิดเผยว่ารัสเซียอาจต้องชดใช้อย่างหนักและเผชิญผลกระทบทางเศรษฐกิจที่รุนแรงหากบุกยูเครน
- จีนพบผู้ติดเชื้อหวัดนกสายพันธุ์ H5N6 ในกวางตุ้ง เตือนประชาชนเฝ้าระวัง
-ททท.เผยต่างชาติกังวลโควิดระลอกใหม่ ชะลอเดินทางเที่ยวไทยฉุดเป้าหมาย 2 เดือนสุดท้ายเหลือ 3 แสนคน

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวในลักษณะ Sideway โดยมีแรงหนุนจากรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่เป็นไปตามคาด ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่ยังมีแรงกดดันจากข่าวจีนพบผู้ติดเชื้อหวัดนกสายพันธุ์ H5N6 มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,610-1,630 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน  

• หุ้นที่มีโอกาสเข้าคำนวณ SET50 : หุ้นเข้า BANPU TIDLOR หุ้นออก BJC DELTA STA , SET100 : หุ้นเข้า BLA BPP EPG RCL SIRI STARK TTA หุ้นออก AAV ICHI JAS NRF PRM PSL TKN
• ส่งออกเดือน ต.ค. ขยายตัว AH SAT NER KCE HANA TWPC JUBILE
• หุ้น Reopening Play : หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว MINT ERW CENTEL AWC SHR AOT AAV BA หุ้นกลุ่มขนส่ง BEM BTS หุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้า CPN CRC MBK
• FTSE Rebalance มีผล 17 ธ.ค. : FTSE All World Index : ไม่มีหุ้นเข้า-ออก ,FTSE All Cap : หุ้นเข้า TIDLOR หุ้นออก ไม่มี ,FTSE Micro Cap : หุ้นเข้า AMR ASW DMT GROREIT INETREIT NSL SNNP หุ้นออก ไม่มี

 

หุ้นรายงานพิเศษ

                             THANI (Bloomberg Consensus 4.82 บาท)

•งวด 9M64 มีกำไรก่อนหัก ECL +4%YoY หลังหัก ECL ที่เพิ่มขึ้น 97%YoY กำไรสุทธิ 1,255 ล้านบาท -9%YoY เนื่องจาก NPL เพิ่มขึ้นทำให้มี credit cost เพิ่มขึ้นเป็น 1.31% จาก 0.68% ของสินเชื่อรวมในปี 63 ยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ 17,133 ล้านบาท ผู้บริหารปรับเพิ่มเป้าการปล่อยสินเชื่อในปี 64 จากเดิม 16,800 ล้านบาทเป็น 24,000 ล้านบาท

•แนวโน้ม 4Q64 ฟื้นตัว คาดจะมีงานยึดรถเพิ่มขึ้นและคาดจะมีคชจ.สำรองเพิ่มขึ้นในส่วนของ management overlay เพื่อรองรับ %NPL ที่ระดับ 4.3% เกินเป้าหมายที่ระดับ 4% ผู้บริหารวางเป้าหมายการเติบโตในปี 65 ไม่น้อยกว่า 10% ทั้งในส่วนของพอร์ตสินเชื่อคงค้าง และยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 26,000-27,000 ล้านบาท

•ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกจากแนวโน้มในอนาคตที่จะกลับไปมุ่งเพิ่มสัดส่วนปล่อยสินเชื่อรถบรรทุกที่มี yield สูงเป็นหลักจาก 67% ในปัจจุบันกลับสู่ระดับเดิมที่ 71-72% สอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัว รองรับการลงทุนภาคเอกชนและการเดินหน้าโครงการก่อสร้างภาครัฐ โดย Bloomberg consensus คาดกำไรปี 65 จะพลิกเติบโต 16% เป็น 1,924.50 ล้านบาท จากคาดการณ์กำารปี 64 ที่ปรับลดเหลือ 1,658.17 ล้านบาท -11%YoY ราคาหุ้นซื้อขายที่ PBV 2.34x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 3.24x แนะนำ ทยอยสะสม

 

หุ้นมีข่าว

(+) ATP30 (Bloomberg Consensus - บาท) กางแผนงานปี 2565 ตั้งเป้าดันรายได้โตไม่ต่ำกว่า 25% แย้มอยู่ระหว่างเจรจาลูกค้าใหม่ 2-3 ราย คาดได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ พร้อมเริ่มให้บริการต้นปีหน้า โชว์สัญญาแบ็กล็อกแตะ 1.26 พันล้านบาท ชี้ลูกค้าโรงงาน นิคมอุตสาหกรรมเดินเครื่องเต็ม 100% หนุนงานรับส่งสดใส (ที่มา ทันหุ้น)

(+) EA (Bloomberg Consensus 78.50 บาท) ได้ฤกษ์เปิดโรงงานแบตเตอรี 1 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี ใหญ่สุดในอาเซียน ใช้ในธุรกิจอีวีของบริษัท ทั้งในส่วนของรถบัสไฟฟ้า รถเมล์ไฟฟ้า เรือไฟฟ้า เป็นต้น สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 5 พันล้านบาท เล็งขยายต่อ 4-8 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี ตั้งเป้าเป็นโรงงานแบตเตอรีขนาด 50 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี ใหญ่สุดในโลก ออกหุ้นกู้แปลงสภาพ 290 ล้านหน่วยรองรับ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) AMATA (Bloomberg Consensus 24.00 บาท) ย้ำเป้ายอดขายที่ดินปีนี้ 650 ไร่ คาดไตรมาส 4/64 ยังมีการทยอยโอนอย่างต่อเนื่อง พร้อมโชว์แบ็กล็อกล่าสุด 2,771 ล้านบาท ทยอยรับรู้ถึงปี 65 พร้อมวางเป้าปีหน้ายอดขายที่ดินโต 10-20% หลังนักลงทุนต่างชาติเดินทางสะดวกขึ้น (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) TWPC (Bloomberg Consensus 7.00 บาท) มั่นใจผลงานไตรมาสสุดท้ายปีนี้ดีต่อเนื่อง รายได้เติบโตกว่าทุกไตรมาส รับไฮซีซั่นของธุรกิจ มั่นใจทั้งปี 64 คาดรายได้โตเกิน 10% ส่วนปีหน้าเชื่อทำนิวไฮต่อ เหตุตลาดจีนยังมีความต้องการแป้งมันสำปะหลังสูง พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ไบโอพลาสติก เริ่มผลิตพร้อมจำหน่ายไตรมาส 1/65 (ที่มา ข่าวหุ้น)