ระวังความผันผวนระยะสั้นจากการปรับพอร์ตตาม MSCI

ระวังความผันผวนระยะสั้นจากการปรับพอร์ตตาม MSCI

ภาพรวมการเก็งกำไรระยะสั้นยังเป็นบวก

หลังนักลงทุนคลายความกังวลต่อเงินเฟ้อ และรอจับตาการเปลี่ยนแปลงนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน 15-16 มิ.ย. สำหรับหุ้นไทย ระวังความผันผวนจากการปรับพอร์ต (rebalancing) ตามดัชนี MSCI มีผลสิ้นวันทำการ 27 พ.ค.64 ซึ่งประเทศไทยถูกลดน้ำหนักลงเหลือ 1.73% (จาก 1.83%) คิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 1 หมื่นล้านบาท อ้างอิงจากวันปรับพอร์ต (Effective date) ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จะพบว่าหลายครั้ง SET Index มีความผันผวนและกรอบการเคลื่อนไหวสูงกว่าปกติ ดังนั้นนักลงทุนโดยเฉพาะผู้เก็งกำไรในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ควรเพิ่มความระมัดระวัง

ส่งออกเม.ย.เติบโต 13.09% มีทั้งมุมบวกและลบ ในมุมบวกการฟื้นตัวดังกล่าวสูงสุดรอบ 36 เดือน นับจาก เม.ย.61 อย่างไรก็ตาม ในมุมลบ การเกินดุลการค้าลดลงเหลือเพียง 182 ล้านเหรียญฯ (จากก่อนโควิดที่ 500-1,000 พันล้านเหรียญ/เดือน) ซึ่งเมื่อรวมกับการขาดดุลบริการ ทำให้มีโอกาสที่ไทยจะเผชิญการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด (current account deficit) ในช่วงนี้ได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการอ่อนค่าของเงินบาทและเงินทุนไหลออก อย่างไรก็ตามอาจเป็นปัจจัยหนุนผลการดำเนินงานของหุ้นในกลุ่มส่งออกทั้งอิเล็กทรอนิกศ์ อาหารและเกษตร

พ.ร.ก.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท ต่ำกว่าแผนเดิมที่ 700,000 ล้านบาท ซึ่งเรามองสาเหตุสำคัญที่ลดวงเงิน เนื่องจากความกังวลตัวเลขเพดานการเงินการคลังที่ 60% ซึ่งหากมีการกู้เต็มวงเงินจะทำให้หนี้สาธารณะไปอยู่ที่ 58.56% ประกอบกับหากมีการปรับลด GDP ลงอีก จะทำให้มีความเสี่ยงต่อการเพิ่มเพดานการคลัง ซึ่งต้องใช้กลไกรัฐสภา อย่างไรก็ตามเรามองรัฐบาลพยายามเลี่ยงหรือประวิงเวลาที่จะต้องเพิ่มเพดานดังกล่าวออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านการเมือง ซึ่งจะทำให้การออกมาตรการต่างๆจากนี้ทำได้ยากและเป็นข้อจำกัดแรงหนุนที่มาจากนโยบายภาครัฐ

กลยุทธ์ยังเน้นเลือกเก็งกำไรรายตัวในธีมที่น่าสนใจ ได้แก่ 1) กลุ่มพลังงาน ปิโตรฯ PTT, PTTGC, IVL, IRPC 2) อาหารและเกษตร TVO, CPI, TU, CPF 3) ได้ประโยชน์จากเราชนะ TNP และ KK เนื่องจากเป็นร้านค้าธงฟ้า 4) การขายประกันโควิด บวกต่อ THRE, TIP, TQM 5) ปันผลและกองรีทส์ ADVANC, BTSGIF, CPNREIT, AIMIRT, FTREIT, EASTW, WHAUP, TTW, TIP 6) เก็งกำไรกลุ่มดิจิตัลทีวี BEC, WORK, MONO, JKN

ภาพรวมกลยุทธ์ ยกกรอบขึ้นเป็น 1,565-1,580 แต่การฟื้นรอบนี้ตลาดจะเพิ่มความระวังและการปรับพอร์ตเลือกหุ้นรับทิศทางผลตอบแทนพันธบัตรและหุ้นรายตัวที่ได้ประโยชน์จากเงินเฟ้อ โดยยังคงคำแนะนำไม่ไล่ราคาในหุ้นที่ปรับขึ้นมาก และเลือกเก็งกำไรเฉพาะในหุ้นที่มีปัจจัยผลักดันชัดเจน // หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร KEX*, ASW*, NEX*, SCB*

แนวรับ 1,520-1,540 / แนวต้าน : 1,560-1,565 จุด สัดส่วน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

 

ประเด็นการลงทุน

คลังจ่อกู้ 1 แสนลบ. ตาม พ.ร.ก. ใหม่. สบน. คาดว่าจะสามารถกู้เงินจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนลบ. ก้อนแรกได้ภายในสิ้นปี 64 ที่จำนวน 1 แสนลบ. โดยเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจปี 64-65 ขยายตัวเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 0.75% หรือช่วงสองปีที่ 1.5% ส่งผลให้หนี้สาธารณะต่อจีดีพีอยู่ที่ 58.56% ซึ่งต่ำกว่ากรอบที่ 60% พร้อมระบุเล็งทบทวนกรอบหนี้สาธารณะในการประชุมปีนี้

6 สมาคมจี้รัฐแก้เหล็กแพง-ค่าระวาง-ขาดตู้คอนเทนเนอร์ ก่อนกระทบเศรษฐกิจ. หอการค้าร่วมกับ 6 สมาคมการค้า ยื่นหนังสือถึงรองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ แก้ปัญหาเหล็กแพง-ค่าระวาง-ขาดตู้คอนเทนเนอร์ โดยเสนอให้ 1) ยกเลิกการไต่สวนคำร้องมาตรการการทุ่มตลาดแผ่นเหล็กเคลือบดีบุก และแผ่นเหล็กเคลือบโครเมียม, 2) เร่งรัดดำเนินมาตรการแก้ไขสถานการณ์การปรับขึ้นค่าระวางเรือ และการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อให้ต้นทุนค่าขนส่งกลับสู่ภาวะปกติ

BCH. เผยยอดตรวจโควิด-19 เดือน พ.ค.-เม.ย. สูง 3 แสนราย มั่นใจจบ Q2 แตะ 5 แสนราย ซึ่งสูงกว่า Q1 ถึง 3.9 แสนราย เตรียมบันทึกกำไร Q2 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่โมเดร์นนาเตรียมหนุนต่อหลังขยายโควตาเพิ่มเป็น 10 ล้านโดส

ขยายสัญญาในปั๊มปตทอีก 10 ปี - บริษัทได้ตกลง ต่ออายุสัญญาหลักความร่วมมือการดําเนินธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อ (7-Eleven) ใน สถานีบริการน้ำมัน กับ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จํากัด (มหาชน)OR โดยมี กําหนดระยะเวลาหลังจากครบอายุสัญญาเดิม ต่อเนื่องไปอีก 10 ปี

EE ยกเลิกสัญญาซื้อขายหุ้น SSUTตามที่บริษัทได้เคยทำสัญญาซื้อหุ้น SSUT จากทางคอมลิงค์ บริษัทไม่สามารถชำระค่าซื้อหุ้นในนส่วนที่ 2 ของสัญญาได้ จึงทำให้ถูกบอกเลิกสัญญา

MINT-W8/MINTW-9 จะเริ่มเข้าทำการซื้อขายวันที่ 28 พ.ค.64

ประเด็นติดตาม: - 27 พ.ค.: TH Industrial Production เดือน เม.ย. / US Initial Jobless Claims // 28 พ.ค.: US Core PCE เดือน เม.ย. // 4-5 มิ.ย. ประชุมรมว.คลังกลุ่ม G7

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)