น้ำดื่มปกติที่ไม่ธรรมดา

น้ำดื่มปกติที่ไม่ธรรมดา

น้ำดื่มใสๆ ในแก้วที่วางอยู่ข้างหน้า มันไม่ไร้เดียงสาเหมือนเมื่อสมัยก่อนเสียแล้ว มันมาจากหลายที่มา มีหลากลักษณะหลายส่วนผสมและอาจหลายรสชาติ

โลกปัจจุบันมันอยู่กันไม่ง่ายเสียแล้ว

น้ำ คือ สิ่งสำคัญที่ทำให้มีมนุษยชาติและอารยธรรม น้ำ คือ ปัจจัยที่สำคัญที่สุดของสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ ร่างกายมนุษย์ประกอบด้วยน้ำ 70% น้ำ ทำหน้าที่ตั้งแต่ล้างไล่แบคทีเรียจากไต ช่วยระบบการย่อยอาหาร เป็นตัวขนส่งสารอาหารและออกซิเจนไปยังเซลล์ต่างๆ ป้องกันท้องผูก รักษาความสมดุลของโซเดียมในร่างกายฯลฯ

ชนิดของน้ำแบ่งออกได้บนฐานของแหล่งที่มาองค์ประกอบ วิธีการได้มาและ “เนื้อหา” ของน้ำ โดยแบ่งออกได้เป็น 7 ชนิดอันได้แก่ 1.) น้ำประปาได้มาจากการเอาน้ำดิบไปผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อโรคแล้วใส่ท่อ 2.) น้ำแร่มาจากใต้ดินซึ่งมีส่วนผสมของmagnesium / manganese / calcium เป็นต้น นำมาบรรจุขวดโดยไม่เพิ่มเติมสิ่งใด บางครั้งมีการสกัดmanganeseออกหรือเติมก๊าซคาร์บอนให่ซ่าแต่ละแบรนด์มีสารแร่ต่างกันและรสชาติต่างกันด้วย ส่วนใหญ่มีรสเค็มกว่าน้ำปกติเล็กน้อย

 3.) น้ำพุจากใต้ดินอันเกิดจากน้ำฝนสะสมมานานอยู่ใต้ดินและ“รั่ว”ออกมา (4)น้ำบ่อซึ่งมาจากแหล่งน้ำใต้ดิน 5.) น้ำกรองโดยทำให้สะอาด น้ำอาจมาจากน้ำบ่อหรือใต้ดินและนำมาผ่านกระบวนการขจัดแบคทีเรีย 6.) น้ำกลั่นมาจากการต้มจนเป็นไอและกลายเป็นน้ำ เป็นน้ำบริสุทธิ์ที่ขาดเกลือแร่ และ 7.) น้ำอัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(sparkling water) เพื่อให้มีฟองเมื่อดื่มแล้วรู้สึกซ่า

ปัจจุบันเราไม่ได้ดื่มน้ำกันอย่างตรงไปตรงมาอีกต่อไป มีการผสมปนเปกันของน้ำ 7 ชนิดนี้ และยังมีชนิดอื่นด้วยดังที่จะกล่าวถึงต่อไป โดยทั้งหมดเป็นไปเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคหรือชี้นำผู้บริโภคให้เกิดความต้องการ

น้ำดื่มธรรมดาปัจจุบันมีทั้งน้ำสะอาดอัดก๊าซคาร์บอน น้ำแร่อัดก๊าซคาร์บอนหรือออกซิเจน น้ำจากน้ำพุปนน้ำแร่ น้ำกลั่นปนน้ำแร่และอัดก๊าซคาร์บอนหรือออกซิเจน ฯลฯ ในต่างประเทศบางแห่งมีสารพัดน้ำให้เลือก แต่ละแบรนด์ก็สรรหากันมาโดยอ้างสุขภาพ

ทั้งหมดยังคงมีความใสเหมือนน้ำดื่มธรรมดาเพราะดูเป็นธรรมชาติและเสริมสุขภาพ ที่ไปไกลกว่านั้นก็ คือ ใส่หลายกลิ่นลงไปในน้ำหลากหลายชนิดนี้จนเป็นน้ำเปล่าที่มีกลิ่นสารพัดของผลไม้ให้เลือกอย่างน่าตื่นใจและน่าสับสน

ปรากฏการณ์ดังกล่าวของ flavored bottled-water เกิดขึ้นในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา มันไม่หยุดแค่นั้น เพราะเมื่อเติมกลิ่นแล้วต่อมาก็เติมน้ำตาล(สารเสพติดของทุกผู้ทุกนามในโลก) ลงไปด้วย จนกลายเป็นน้ำหวานรสผลไม้ในความใสอันไร้เดียงสาของน้ำเปล่า ในสหรัฐยอดขายของน้ำดังกล่าวพุ่งจาก 1,200 ล้านลิตร ในปี 2012 ขึ้นเป็นเกือบ 2,500 ล้านลิตรใน ปี 2018

น้ำใสหวานและมีกลิ่นผลไม้ดังกล่าวมีน้ำตาลอยู่มากภายใต้หน้าตาของความใสสะอาดจนทำให้เกิดการบริโภคน้ำตาลมากเกินควรโดยไม่ตั้งใจเรียกได้ว่าเป็น “ยาพิษ” ที่ซ่อนอยู่ในความใสซื่ออย่างน่ากลัว

เหตุการณ์ที่เลวร้ายกว่านี้กำลังเกิดขึ้นจากการผลิตของบริษัทญี่ปุ่น กล่าวคือเริ่มมีการผลิตโคคาโคล่า กาแฟใส่นม ชาใส่นม ฯลฯ  ที่มีกลิ่นและรสชาติเหมือนจริงทุกอย่างหากเป็นน้ำใสบรรจุอยู่ในขวดใสสะอาดตา

น้ำดื่มปกติที่ไม่ธรรมดา

อีกครั้งที่ความสะอาดตาและการเสริมสุขภาพของน้ำเปล่าเป็นเกราะกำบังความน่ากลัวของน้ำตาลได้อย่างแนบเนียนผู้บริโภคไม่รู้สึกผิด อีกทั้งดูทันสมัย ดูเก๋ไก๋ และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ที่กำลังจะออกมาใหม่ คือรสชาติและกลิ่นของเบียร์โดยไม่มีแอลกอฮอร์ในน้ำใส แต่เดิมนั้นมีการผลิตเบียร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ในกระป๋องและขวด โดยมีสีสันเหมือนเบียร์จริงทุกอย่าง คนที่ดื่มไปด้วยขณะทำงานก็เกรงว่าเพื่อนร่วมงานจะนึกว่าตนเองดื่มแอลกอฮอล์ในขณะทำงาน ผู้ผลิตจึงพยายามกำจัดสีออกไปจนใสและใส่ขวดแก้ว ผู้ดื่มจะได้สะดวกใจ เมื่อดื่มทั้งตอนประชุมและทำงานเพราะไม่ว่ากลิ่นหรือรสชาติคล้ายเบียร์จริง เพียงแต่ไม่มีแอลกอฮอร์เท่านั้น

เครื่องดื่มใสเหล่านี้แท้จริงแล้วเกิดขึ้นในสหรัฐ ตอนต้นทศวรรษ 1990 ไม่ว่าจะเป็น โคคาโคล่าน้ำใส เบียร์น้ำใส แต่พอถึงปี 1994 ก็ตายหมดเพราะเป็นสิ่งฮือฮาที่ไม่เหมือนของจริง การเกิดขึ้นอีกครั้งโดยบริษัทเครื่องดื่มญี่ปุ่นที่ก้าวหน้ากว่าเดิมในการผลิตชาและกาแฟอีก ทั้งมีชนิดใส่นมในรูปน้ำใส และโคคาโคล่า ไดเอท รสมะนาวน้ำใส เชื่อว่าจะไปได้ดีหลังการทดลองเปิดตลาดไปแล้ว

ความธรรมดาอย่างไร้เดียงสาของหลายสิ่งในโลก เช่นน้ำดื่มหายไปอย่างน่าเสียดาย มนุษย์ด้วยกันเองทำให้การเลือกน้ำดื่มซึ่งเคยเป็นเรื่องง่ายๆ กลายเป็นเรื่องซ้ำซ้อนไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ และนับวันของง่ายๆจะเป็นของยากขึ้น

ในภาษาอังกฤษคำเรียกคนสูงวัย(ก็คนแก่นั่นแหละ)เก่าๆ ง่ายๆ เช่น old man หรือ old woman ก็เปลี่ยนไป มีหลากหลายคำที่ใช้กันอย่างเห็นไม่ตรงกันเพื่อไม่ให้ร้าวรานหัวใจเดิม มีการเรียกว่า senior citizen หรือ elderly ล่าสุดมีการเรียกว่า older adults หรือเก๋สุดก็คือ perennial เนื่องจากฟังดูดีแต่ไม่รู้แน่ๆว่าแปลว่าอะไรสำหรับคนส่วนใหญ่ในโลก

perennial มาจากภาษาละติน perennis (“lasting through the whole year”) per (through”) + annus (“year”)ในภาษาอังกฤษหมายความว่า คงทนหรือยังคงกระฉับกระเฉงไปตลอด (lasting or remaining active throughout the year or all the time)

ภายใต้ความธรรมดาหรือง่ายๆ นั้นอาจมีความซับซ้อนซ่อนอยู่จากการสร้างขึ้นของมนุษย์ด้วยกันเองเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง ความสามารถรู้เท่าทันมนุษย์ด้วยกันเองจึงเป็นทักษะที่จำเป็นในการดำรงชีวิตปัจจุบัน