ปฏิรูปองค์กรสงฆ์ .. ใต้ร่มพระบารมี !!!

ปฏิรูปองค์กรสงฆ์ .. ใต้ร่มพระบารมี !!!

เจริญพรศรัทธาสาธุชนผู้เคารพในพระธรรมวินัย .. ห้วงเวลาของการปฏิรูปองค์กรพระศาสนา .. สถาบันพระสงฆ์ไทย

ได้เกิดขึ้นแล้ว ใต้ร่มพระบารมีของรัชกาลที่ ๑๐ แห่งราชวงศ์จักรี

ในห้วงเวลาที่ผ่านมาหลายสิบปี ความวุ่นวายทางโลกคุกคามศาสนจักร พระภิกษุที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ อยู่ยากในท่ามกลางพระทุศีล ที่มุ่งแสวงหาสมณฐานะ ลาภสักการะ อันลืมความเป็นสมณเพศ ที่ควรครองสมณธรรม...

การขบฉันใช้สอยปัจจัยบริโภค การมุ่งหน้าแสวงหาลาภสักการะ .. การสั่งสอนที่ผิดเพี้ยนไปจากพระธรรมวินัย การดารงอยู่ในเดรัจฉานวิชาของพระทุศีล กลายเป็นเรื่องถูกต้อง ถูกใจ คนในสังคมที่ห่างไกลพระสัทธรรม

เราจึงเห็นลัทธิอาจารวาทเกิดขึ้นในศาสนจักร .. มีพิธีการบูชาตัวบุคคลเกิดขึ้น จนปิดบังพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ “..คนเข้าไม่ถึงพระ สมณะเข้าไม่ถึงธรรม..” จึงเป็นเรื่องจริงที่ปรากฏมีอยู่ในห้วงเวลาที่ผ่านมา..

จึงนามาสู่ความสังเวชในการพบเห็นแต่เรื่องราวในทางลบในศาสนจักร.. ได้แต่คิดว่า “เมื่อไหร่หนอ จะเกิดการสังคายนาโดยคณะสงฆ์ที่มีความสานึกรู้ชั่ว รู้ดี .. มีความรับผิดชอบต่อการสืบอายุพระพุทธศาสนาบ้าง” ...แต่เหมือนคอยฝนในหน้าแล้งแถวอินเดีย.. ที่มองหาเค้าฟ้าฝนมิได้เลย.. สัตบุรุษจึงได้แต่ตั้งหน้าบาเพ็ญสมณธรรมต่อไปอย่างเข้มแข็ง มั่นคงอยู่ในพระธรรมวินัย ศึกษาปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อสืบสานพระศาสนาโดยหลักพึ่งตน-พึ่งธรรม..

การศึกษาปฏิบัติธรรม ที่ไม่ใช่หลับตาปิดหูนั่งภาวนาอย่างเดียว ด้วยการเรียนรู้ให้เข้าใจในพระสัทธรรมแท้ จึงดาเนินไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะได้เปิดจิตใจให้สว่าง .. ไม่ให้มืดสนิทยามปิดหูหลับตานั่งภาวนาเจริญสติปัฏฐานสี่ จึงมุ่งเน้นกรรมฐานกองเดียวเป็นหลัก คือ อานาปานสติ ๑๖ ขั้น ที่ครบสมบูรณ์ด้วยหลักสติปัฏฐาน ๔ แต่ก็ไม่ได้ทิ้งกรรมฐานกองต่างๆ ในสมถะกรรมฐาน เพื่อประโยชน์แห่งการศึกษา

แม้การเดินทางจาริกไปทุกถิ่นฐานก็เพื่อมุ่งเน้นการปฏิบัติบูชาที่ถูกต้อง ก็เพื่อจะได้นาไปสู่ธรรมสังเวชด้วยการยึดหลักปฏิบัติตามพระธรรมวินัย... ในขณะที่สังคมในศาสนจักรเกลื่อนไปด้วยลัทธิบูชาวัตถุ .. ความศักดิ์สิทธิ์แบบเทวนิยม .. จนพวกพราหมณ์ (ฮินดู) ที่มาเห็นได้กล่าวว่า “ประเทศพุทธศาสนา ทาไมบูชาเทพเจ้าเก่งจังเลย... พระพิฆเนศ เทวรูป เกลื่อนบ้านเมือง !!!”

ยิ่งผสมผสานกับพฤติกรรมนักบวชทุศีล หมู่ชนไร้ศาสนา ที่มุ่งเดินหน้าแสวงหาสักการะ เปิดกิจการพุทธพาณิชย์ในเขตศาสนา คบค้าญาติโยม ตั้งตัวเป็นไกด์นาเที่ยว คบบริษัททัวร์ เพื่อเกื้อกูลต่อกัน.... กระหายแต่การสร้างวัดวาอาราม เพื่อรองรับศรัทธาทัวร์จนลืมศรัทธาธรรม ยิ่งกระหน่าศรัทธาในบุคคลที่ยังไม่ศรัทธาให้สูญสิ้นไป และแม้แต่ในศรัทธาของบุคคลที่มีศรัทธาก็ยังหวั่นไหว ที่ได้แต่หวังว่า วันหนึ่งคงมีพระเถระ พระมหาเถระ จะได้ออกมาช่วยกันปรามบรรดาอลัชชี-ทุมมังกุทุศีลเหล่านั้น ให้ทุเลาการอาศัย

ผ้าเหลืองที่ทามาหารับประทานอย่างไม่ละอาย.. แต่รอแล้วรออีกเป็นเวลามายาวนาน ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับจากคณะพระเถระที่ควรแสดงความรับผิดชอบต่อหมู่คณะ... มิหนาซ้ากลับเห็นพระระดับบิ๊กๆ เข้าไปสนับสนุนพระเลวๆ เหล่านั้นจนได้ดีมียศศักดิ์หน้าที่ตาแหน่งยิ่งกว่าเดิม.. “อธรรมบุคคล อวินัยบุคคล เจริญ .. ธรรมบุคคล วินัยบุคคล เสื่อม... ธรรมวาที เสื่อม .. อธรรมวาที เจริญ...” ...แล้วเราจะอยู่ใน ศาสนจักรร่วมกันได้อย่างไร นึกไม่ออก ...ด้วยยากที่จะคบค้าสมาคมกัน... หนทางจึงเหลือเพียงเดินหน้ากับถอยหลังในห้วงวิกฤติศรัทธาของศาสนจักร ที่มีหนทางให้เลือกเพียงเดินหน้ากับถอยหลังสาหรับพระผู้ตั้งใจบูชาพระสัทธรรม

แต่มาวันนี้ เมื่อการปฏิรูปองค์กรสงฆ์ .. สถาบันพุทธศาสนา ได้เกิดขึ้นแล้วจริง....

ด้วยฟ้ามีตา .. เทวดามีใจ แผ่นดินไม่แห้งแล้งธรรม ใต้ร่มพระบารมีธรรมของพระมหากษัตริย์ไทย.... พระพุทธศาสนาคงจะได้สืบเนื่องต่อไปอย่างมั่นคง เมื่อมีอานาจธรรมผลักดันให้สถาบันสงฆ์กลับคืนสู่ฐานที่ตั้ง ดารงอยู่ภายใต้พระธรรมวินัย สร้างสมณธรรมให้มั่นคงสืบไปในคณะสงฆ์ เพื่อให้คณะสงฆ์สืบสมณธรรมที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัยสืบไป... จึงนับเป็นข่าวมงคลอย่างยิ่งในประเทศพุทธศาสนายามนี้ ที่มีการปฏิรูปองค์กรสงฆ์เกิดขึ้นแล้วจริง.....

เจริญพร