แค่ “ละคร” คั่นเวลา

แค่ “ละคร” คั่นเวลา

สีสันการเมืองมาแล้ว เมื่ออดีต ส.ส.เพื่อไทย ตีรถด่วนจากที่ราบสูงอีสาน ขอยึดพื้นที่ข่าวบ้างประกาศสัญญาใจ ขอสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพรรคเพื่อไทย

หัวหน้าทีมผู้แทนอีสานไม่ใช่ใครที่ไหน? “หัวเขียง” ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ อดีต ส.ส.มหาสารคาม ซึ่งเป็นผู้อาวุโสที่สุดของ ส.ส.อีสาน มาแจ้งข่าวว่า สมรภูมิอีสานเป็นพื้นที่มีการแย่งชิงเก้าอี้ทางการเมืองสูง

พูดง่ายๆ “หัวเขียง” พยายามจะส่งสัญญาณถึง “ผู้ใหญ่” ในพรรคเพื่อไทยว่า มันมีขบวนการ “ตกปลาในบ่อเพื่อน” โดยพรรคการเมืองที่สนับสนุน คสช.

นอกจากนี้ อดีต ส.ส.เพื่อไทยกลุ่มนี้ ยังเดินสายไปอวยพรปีใหม่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บ้านพักปิ่นประภาคม และ เสนาะ เทียนทอง ที่บ้านพักย่านเมืองทองธานี

ว่ากันตามจริง นับแต่เกิดรัฐประหาร 2557 สถานการณ์การเมืองในอีสาน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

ฉะนั้น อดีต ส.ส.เพื่อไทย ไม่มีคนไหนคิดจะย้ายพรรคแน่ เพราะเห็นบทเรียนของเพื่อนอดีต ส.ส.หลายคน ที่ย้ายจากพรรคพลังประชาชนไปซบพรรคภูมิใจไทย แล้วพากัน “สอบตก” ระนาวในการเลือกตั้ง 2554

สำหรับ “หัวเขียง” ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ เริ่มเล่นการเมืองเป็น ส.จ.เขตโกสุมพิสัย ปี 2518 และปี 2522 สวมเสื้อพรรคกิจสังคม ลงสนามได้เป็น ส.ส.สมัยแรก

การเลือกตั้งปี 2538 และปี 2539 ประยุทธ์ย้ายไปอยู่พรรคชาติไทย ได้เป็น ส.ส.อีก 2 สมัย ก่อนจะพ่ายแก่กระแสไทยรักไทยในการเลือกตั้งปี 2544

ปี 2550 ประยุทธ์ย้ายมาซบอกทักษิณ โดยส่งลูกชายจิรวัฒน์ ศิริพานิชย์ ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคพลังประชาชน และปี 2552 มีเลือกตั้งซ่อม “หัวเขียง” ลงสมัครเองในสีเสื้อเพื่อไทย ได้เป็น ส.ส.อีกหน

จากนั้นมา ประยุทธ์เริ่มมีบทบาทในพรรคเพื่อไทยมากขึ้น และที่คนยังจำไม่ลืม เขาเป็นมือทำคลอดร่างนิรโทษกรรมสุดซอย และยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานว่า ทำเพื่อทักษิณให้ได้กลับบ้าน

ที่สำคัญ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม “ฉบับสุดซอย” นี่แหละที่เป็นต้นเหตุแห่งการชุมนุมมวลชนเรือนหมื่นเรือนแสน ต้านกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับสุดซอย อันนำไปสู่การยุบสภา และรัฐประหารในที่สุด

“หัวเขียง” ออกโรงรอบนี้ เพียงแต่มาส่งเสียงถึงใครบางคนให้รับรู้ว่า จะออกรบต้องมีเสบียง ก็แค่นั้นแหละ