รถไฟเหาะตีลังกา

รถไฟเหาะตีลังกา

วันที่ 20 มกราคม 2560 กรุงเทพธุรกิจและ NOW26 ได้จัดงานสัมมนา“นักเศรษฐศาสตร์ปะทะโหราจารย์” ปีที่ 4 มีกูรูด้านเศรษฐกิจชั้นนำร่วมอภิปราย ได้แก่

ท่านธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล ดร.เจษฎา โลหอุ่นจิตร และดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล ผู้เขียนได้รับเกียรติอย่างสูงให้ขึ้นเวทีแสดงทัศนะด้วย

Turning Point 2017 คือหัวข้อวันนั้น ทุกท่านวิเคราะห์กันถึงสถานการณ์โลกที่มาถึงจุดเปลี่ยน โดยมีทรัมป์และเบร็กซิทเป็นปัจจัยสำคัญ ไทยไม่อาจหลีกเลี่ยงผลกระทบได้ ทุกท่านมองตรงกันว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวต่อเนื่อง เศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นหลังจากผ่านภาวะถดถอยและความสูญเสียครั้งใหญ่ในเดือนตุลาคมปีก่อน (Perfect Storm คือหัวข้อของปี 2016)

ผู้เขียนทำนายว่า การส่งออกดีขึ้นเมื่อเสาร์ยกออกจากพิจิก พิจิกเป็นภพ 8 ของดวงเมืองไทย ภพ 8 หมายถึงการเงินของคู่ค้า เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าดีขึ้น ทำให้ส่งออกไทยเติบโตขึ้น แต่ก็ไม่คิดว่าจะโตมาก เหตุที่โตมากเกิดจากมฤตยูที่ยกเข้าเมษ-ตรีโกณพฤหัสเดิมในภพ 9 ผู้เขียนยังทำนายว่า แม้ภาพรวมดีขึ้น แต่ SME และภาคประชาชนยังคงย่ำแย่อยู่ เพราะอิทธิพลราหูในกรกฎ-ภพ 4 (ดูคลิป https://www.youtube.com/watch?v=HnmZZWsblxM)

การวิเคราะห์ทำนายว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางดี ในขณะที่ผู้คนเสียขวัญกำลังใจอย่างมาก ย่อมถูกมองอย่างกังขาและไม่น่าเชื่อถือ ถึงวันนี้ ความจริงปรากฏแล้ว ทุกท่านย่อมตัดสินได้เองว่าถูกต้องหรือไม่ มากน้อยเพียงใด

ด้วยความไม่สะดวกบางประการ ปีนี้ไม่มีงานสัมมนา โอกาสรับฟังการวิเคราะห์อภิปรายจากท่านผู้รู้ก็พลาดไปด้วย สำหรับท่านที่สนใจโหราศาสตร์ อาจหมายถึงการพลาดมุมมองที่แปลกใหม่และหาไม่ได้จากที่ใด เพราะโหราศาสตร์เมื่อเรียนถึงขั้นสูง จะไม่ใช่แค่ “ศาสตร์” แต่เป็น “ศิลปะ” ในตัวเอง การวิเคราะห์ ตีความ และออกคำทำนาย ย่อมเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล

แม้การเขียนจะอธิบายได้ไม่ละเอียดเท่าการพูด แต่ผู้เขียนก็อยากถ่ายทอดบางสิ่งเพื่อประโยชน์สำหรับทุกท่านที่ต้องการแนวทางชีวิต

รถไฟเหาะตีลังกา

ในการทำนายดวงชะตา มีงาน 2 ส่วนหลักที่นักโหราศาสตร์ต้องทำ (1) ตรวจสอบจังหวะลีลาของดาวจร (Transit) บนท้องฟ้า ทำความเข้าใจให้มากที่สุดและกระจ่างที่สุด (2) นำดาวจรไปประกบกับพื้นดวงกำเนิด (Natal Chart) โดยเพ่งเล็งที่ภพและดาวเดิม คิดวิเคราะห์ให้ดีตามหลักวิชาแล้วจึงทำนาย

เพราะดาวจรของทุกคนเหมือนกันหมด แต่ดวงกำเนิดต่างกัน ดังนั้น คำทำนายย่อมแตกต่างกันด้วย

งาน 2 ส่วนนี้สำคัญไม่เท่ากัน นักโหราศาสตร์ทั่วไปจะให้ความสำคัญกับงานที่ 2 แต่ผู้ที่ขึ้นถึงขั้นสูงจะทุ่มเทให้กับงานที่ 1 เพราะเป็นกุญแจดอกแรกที่ไขไปสู่คำตอบ ถ้ามันผิดพลาด สิ่งที่ตามมาก็ไม่มีวันถูก ยิ่งเป็นผู้ชำนาญโหราศาสตร์ชะตาบ้านเมืองที่ส่วนใหญ่ไม่รู้วันเวลากำเนิดแน่นอน ยิ่งให้ความสำคัญมากขึ้นไปอีก เพราะเป็นประตูเดียวที่มีอยู่

โหราศาสตร์ก็เหมือนทุกศาสตร์ ผู้เข้าถึงแก่นแท้ย่อมคิดเห็นในมุมที่ต่างออกไป

ทุกปีจะมีปรากฏการณ์ดวงดาวสำคัญ มันคือตัวกำหนด “แก่นความ (Theme)” ของปีนั้น เช่น เสาร์ราหูในตุลย์ปี 2013 เล็งลัคน์ดวงเมือง ชี้ถึงปัญหาใหญ่ทางการเมือง ปี 2016 อังคารพฤหัสเสาร์ราหูเนปจูนเข้ารูป T-square ในสิงห์-พิจิก-กุมภ์ เป็นปีแห่งความเลวร้าย ทุกข์ยาก และสูญเสีย

ปี 2017 มฤตยูเข้าเมษเล็งพฤหัสตุลย์ เป็นปีแห่งจุดเปลี่ยน เปลี่ยนจากความตกต่ำลำบากไปสู่ความเจริญก้าวหน้า คนจำนวนมาก (รวมถึงหมอดูส่วนใหญ่) คิดว่าปีนี้จะดีต่อ ไม่ผิดแต่ก็ไม่ถูก ปี 2018 เป็นปีที่ยากและท้าทายที่สุดในรอบหลายสิบปี มันจะดีหรือไม่ ขึ้นกับการตอบสนองของเราต่อดวงดาวต่างหาก

นั่นเพราะอิทธิพล Grand Cross ของอังคารมังกร-พฤหัสตุลย์-ราหูกรกฎ-มฤตยูเมษ Grand Cross เป็นรูปดาวที่ทรงพลัง แปรเปลี่ยนพลิกผันรวดเร็ว และมักชักนำพลังดาวไปในทางลบ มันจึงเต็มไปด้วยความเสี่ยงและภัยอันตราย โดยเฉพาะกับผู้ที่ไม่รู้ ไม่เข้าใจ และไม่ปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลง

ครั้งสุดท้ายที่เกิดคือปลายพฤศจิกายน 2013 – กลางกรกฎาคม 2014 เมื่ออังคารกันย์เข้ารูปกับพฤหัสเมถุน-พลูโตธนู-มฤตยูมีน เกิดกระแสตื่นตัวของภาคประชาชน จนกลายเป็นความขัดแย้งทางการเมืองอย่างหนัก และนำไปสู่รัฐประหาร 22 พฤษภาคม

อังคารคือดาวแห่งการกระทำ ราหูมฤตยูคือดาวแห่งการเปลี่ยนแปลง พฤหัสคือดาวแห่งการขยายตัว Grand Cross ปีนี้ชี้ถึงพลังมหาศาลที่ผลักดันการเปลี่ยนแปลง อังคารราหูมฤตยูเป็นดาวบาปเคราะห์ วิถีทางของมันคือความรุนแรง ผลลัพธ์ที่ได้จะแปรปรวนและเหนือความคาดหมายของผู้คน

เมษกรกฎตุลย์มังกรเป็นจรราศี จรราศีคือราศีที่ดูดซับและตอบสนองต่อพลังงานต่าง ๆ ได้ดีและมีพลวัตสูง ต่างจากเมถุนกันย์ธนูมีนที่เป็นทวิสภาวะราศี ซึ่งมีพลังอ่อนด้อยกว่ามาก สิ่งที่เกิดขึ้นในปีนี้จะรุนแรง รวดเร็ว และใหญ่กว่า

กุญแจสำคัญคืออังคาร อังคารอุจจ์เข้มแข็งให้คุณ ปัญหาคือมุม 90 กับมฤตยูและเล็งราหู พลังงานจะถูกกระตุ้นเร่งเร้าจนเกินสมดุลและกลับให้โทษ ที่น่าห่วงคือช่วงอังคารพักร ภายใน Grand Cross จะเกิดแรงกดดันมหาศาล มันพร้อมจะพังทลายทุกสิ่งทุกเวลา ถ้าไม่จัดการให้ดี

สถานการณ์ปีนี้จึงมีลักษณะขึ้นเร็วลงเร็ว ขึ้นสุดลงสุด เต็มไปด้วยความพลิกผันแปรเปลี่ยนและอันตราย เปรียบได้ดั่งรถไฟเหาะตีลังกา ในภาวะเช่นนี้ สิ่งที่ควรทำคือเกาะติดสถานการณ์ให้มั่น ยืดหยุ่นปรับตัวไปตามกระแส อย่าหวังใหญ่ อย่าทำอะไรเกินตัว มันจะหักโค่นลงมาได้ง่าย ๆ

ภัยอันตรายจะเกิดขึ้นกับผู้ต่อต้านการเปลี่ยนแปลง ยิ่งใช้พลังอำนาจเพื่อควบคุมมากเท่าไหร่ ยิ่งเผชิญแรงโต้กลับมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งรวมศูนย์อำนาจ ยิ่งกลายเป็นเป้าเดี่ยวของทุกฝ่าย

นี่คือปีแห่งการทดสอบอย่างแท้จริง ผู้ประมาทหลงตัวย่อมพ่ายแพ้ ผู้อ่อนน้อมถ่อมตนจักเอาตัวรอด ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ