เก็งกำไรบิทคอยน์ด้วยตราสารในตลาดการเงิน

เก็งกำไรบิทคอยน์ด้วยตราสารในตลาดการเงิน

เก็งกำไรบิทคอยน์ด้วยตราสารในตลาดการเงิน

พูดถึงการเก็งกำไรในยุคนี้คงไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่ไปกว่า “เก็งกำไรบิทคอยน์ (Bitcoin)”

แม้รอบนี้จะไม่ได้ทะลุเดือดเหมือนในช่วงปี 2013 (ราคาเคยปรับขึ้นจากแถว 20 ดอลลาร์ไปเป็นจบที่ราว 1,100 ดอลลาร์หรือคิดเป็นราว 5,000 เท่า) แต่การที่ราคาพุ่งขึ้นจากระดับ 800 ดอลลาร์ตอนต้นปี มาเป็น 16,000 ดอลลาร์ในตอนนี้ ก็ยังถือเป็นการปรับตัวขึ้นถึง 2,000% ยิ่งใหญ่ และไม่มีสินทรัพย์ไหนเทียบได้ ไม่แปลกที่นักลงทุนทั่วทั้งตลาดจะหันมาให้ความสนใจกับการเก็งกำไรบิทคอยน์นี้มากทีเดียว

แต่เราคงไม่ต้องย้ำกันว่าการเก็งกำไรบิทคอยน์มีความเสี่ยงมหาศาล

ความผันผวนของบิทคอยน์ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 90% !!

คงไม่มีนักวิเคราะห์ที่มีสติท่านไหนจะกล้าแนะนำให้นักลงทุนซื้อขายบิทคอยน์ในช่วงนี้เพราะดูเหมือนโอกาสที่จะหัวใจวายจากบิทคอยน์มีมากกว่าโอกาสได้กำไรซะแล้ว

อย่างไรก็ตาม เราทุกคนก็เถียงไม่ขึ้น เมื่อผู้คนทั่วโลกยังขาดความมั่นใจกับรัฐบาล ธนาคารกลางยังพิมพ์เงินเข้ามาในระบบจนสภาพคล่องล้นทะลัก ธนาคารพานิชย์ยังดูเชื่องช้าและไม่น่าเชื่อถือ ขณะที่ทุกคนก็ยังเชื่อว่าในที่สุดเทคโนโลยีจะเข้ามาแทนที่สถาบันการเงินทั้งหมด ความจริงของตลาดการเงินเหล่านี้ยังคงอยู่ และเป็นเหตุผลหลักที่คอยเติมเชื้อไฟให้กับบิทคอยน์นอกเหนือจากการเก็งกำไร

ผมเชื่อว่า นักลงทุนส่วนหนึ่งอยากลองเกาะกับเทรนด์โลกเหล่านี้บ้าง แต่ไม่อยากไปไกลถึงขนาดบิทคอยน์ แท้จริงแล้วเราก็มีทางเลือกที่เป็นปรกติอยู่ครับ

ผมลองเอาข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์ทางการเงินทั่วโลกมาลองหาความสัมพันธ์กับบิทคอยน์ และค้นว่าในช่วงปีที่ผ่านมา สินทรัพย์ประเภทไหนปรับตัวขึ้นหรือลงพร้อมกับบิทคอยน์บ้าง สรุปได้ดังนี้

ฝั่งที่ปรับตัวขึ้นพร้อมกันกับบิทคอยน์คือ ทองแดง เงินโคลูนาเชค บอนด์อาร์เจนตินา และตลาดหุ้นออสเตรเลีย โดยรวมแปลความหมายได้ว่า เป็นการลงทุนที่เน้นไปที่ตลาดหรือสินทรัพย์เกิดใหม่และอุตสาหกรรมไฟฟ้าและเทคโนโลยี ซึ่งกลุ่มนี้ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย มองว่าเป็นการลงทุนที่ล้อไปกับเทรนด์เศรษฐกิจยุคใหม่ ตลาดรับความเสี่ยงได้สูง แล้วผู้นำทางเศรษฐกิจจะไม่ใช่กลุ่มเดิม ๆ อีกต่อไปแล้ว

ส่วนฝั่งที่ปรับตัวลงเมื่อบิทคอยน์ปรับตัวขึ้นได้แก่ น้ำมันดิบ เงินยูโร บอนด์อังกฤษ และตลาดหุ้นจีน หรือแทบจะเรียกได้ว่า เป็นการรวมตัวกันของเทรนด์เศรษฐกิจโลกเก่าและปัจจุบัน กลุ่มนี้ก็ถือว่าน่าสนใจไม่แพ้กลุ่มแรก ถ้าใครมองว่าสุดท้ายฟองสบู่บิทคอยน์จะต้องแตกสลายกลายเป็นศูนย์ และกลุ่มเศรษฐกิจปัจจุบันจะยังเป็นผู้นำโลกได้ต่อก็ให้มาอยู่ฝั่งนี้

จากส่วนผสมทั้งหมด ถ้าผม “ขาย” สินทรัพย์กลุ่มที่ลงตามบิทคอย์แล้วเอาเงินที่ได้ไป “ซื้อ” สินทรัพย์ที่ขึ้นตามบิทคอยน์สัดส่วนเท่า ๆ กัน ปีที่ผ่านมาผมจะได้กำไรราว 15% โดยไม่มีต้นทุน แม้อาจไม่ได้ร้อนแรงเท่าบิทคอยน์ แต่น่าจะทำให้เราเห็นภาพ และเข้าใจในองค์ประกอบของความเสี่ยงของตลาดปัจจุบันได้ดีขึ้นแม้จะไม่ได้ลงทุนในบิทคอยน์ตรง ๆ

แม้กระแสการเก็งกำไรจะยังคงอยู่ต่อไป แต่ผมก็ยังคงไม่เปลี่ยนมุมมอง ยังอยากย้ำอีกครั้งว่าพฤติกรรมของบิทคอยน์ตอนนี้เข้าสู่ภาวะฟองสบู่อย่างแท้จริงแล้ว และถ้าความผันผวนยังอยู่ที่ระดับปัจจุบัน ผมการันตีได้เลยว่าปีหน้าเราเห็นราคาปรับตัวลงเป็น 70-80% ซักครั้งแน่นอน แต่ถึงกระนั้นก็แทบไม่มีโอกาสที่ฟองสบู่บิทคอย์จะแตกและหายไปทันทีในระยะสั้นอยู่ดี

ปัญหาความไม่เชื่อมั่นในรัฐบาลและสถาบันการเงินยังเป็นสิ่งที่แก้ไม่หาย แนวโน้มที่เทคโนโลยีจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการประกอบธุรกิจก็ยังจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ และเหนือสิ่งอื่นใด ถ้าสภาพคล่องในตลาดยังอยู่ในระดับสูงและนักลงทุนบางกลุ่มยังพร้อมที่จะทดลองเผาเงินเล่นไปกับการเก็งกำไรบิทคอยน์ขณะที่ก็ไม่มีองค์กรณ์การเงินระดับโลกแห่งไหนอยากจะเข้ามากำกับดูแลตลาดนี้อยางจริงจัง ก็ยากที่ฟองสบู่การเงินฟองนี้จะหายไป

เรียนรู้ที่จะอยู่กับตลาดเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ขณะที่ความเสี่ยงในช่วงนี้ก็ไม่น้อย สูดหายใจเข้าลึกลึก และเก็งกำไรแต่พอตัวดีกว่าครับ

ความสัมพันธ์ระหว่างสินทรัพย์ทางการต่างๆ กับบิทคอยน์

เก็งกำไรบิทคอยน์ด้วยตราสารในตลาดการเงิน

ที่มา: Bloomberg and KTB Global Markets